STARBUCKS: พอร์ตหุ้นต้องการคาเฟอีน

ในโลกของแฟนพันธุ์แท้คนเดิมกาแฟ เมนูเด่นคงหนีไม่พ้น คาปูชิโน่ เอสเปรสโซ่ อาราบิก้า โรบัสต้า อะไรดีนะ? มอคค่า ซุปเปอร์ริช อย่าคิดนานเกินไปเพราะร่างกายต้องการคาเฟอีนแล้ว
และหากพูดถึงร้านกาแฟชื่อดังขวัญใจคนทำงานประจำ คนทำงานสายฟรีแลนซ์ ตลอดจนไปถึงการเป็นสถานที่นัดพบปะพูดคุยหรือนัดประชุมงานกับลูกค้า Starbucks คงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของหลายคน ทั้งด้านคุณภาพของกาแฟ เมนูที่หลากหลาย ขนมที่อร่อย และยังมีพื้นที่ที่ผ่านคลายแก่การนั่งทำงาน (Free Wi-Fi) หรือพูดคุยในบรรยากาศที่อบอวลไปพร้อมกับกลิ่นกาแฟ ซึ่งจากการเป็นพื้นที่ในการพบปะพูดคุย รวมถึงการร่วมทำกิจกรรมต่างๆ Starbucks จึงถูกขนานนามว่าเป็น “Third Place” หรือว่าบ้านหลังที่ 3 ซึ่งมากกว่าการเป็นแค่ร้านกาแฟทั่วไป และจุดนี้เองจึงเป็นจุดแข็งที่ทำให้ Starbucks เป็นที่นิยมไปทั่วโลก
Starbucks – หนึ่งในบริษัทผู้นำด้านธุรกิจกาแฟข้ามชาติระดับโลก สัญชาติสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งโดย Jerry Baldwin, Zev Siegl, และ Gordon Bowker เมื่อปี 1985 (สำนักงานใหญ่อยู่ที่ เมืองซีแอตเทิล, รัฐวอชิงตัน, ประเทศสหรัฐอเมริกา) โดยมีสินค้าหลากหลายทั้งผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟ (Whole Bean) เครื่องดื่มยอดนิยม ได้แก่ Vanilla Latte, Flat White, Green Tea, Frappuccino รสชาติต่างๆ และกลุ่ม Cold Brew เป็นต้น
นอกจากกาแฟที่มีคุณภาพ ยังมีของที่ระลึกวางขายในทุกช่วงเทศกาล เพื่อให้เหล่านักสะสมซื้อเก็บได้ในหลายเทศกาลสำคัญ อีกทั้ง Starbucks ยังสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของชุมชนทั่วโลกผ่านทั้งผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟพันธุ์พื้นเมือง (Whole Bean) ที่มาจากแหล่งเพาะปลูกกาแฟที่แตกต่างกัน (สำหรับประเทศไทยมี “ม่วนใจ๋ เบลนด์”) และการออกแบบลวดลายพื้นเมืองบนของที่ระลึกต่างๆ
ปัจจุบัน Starbucks มีสาขาทั้งหมด 33,833 สาขาใน 80 ประเทศทั่วโลก บริหารงานหลักโดย Kevin Johnson รับช่วงต่อจาก Howard Schultz ที่ประกาศลาออกเมื่อเดือนเมษายน 2017 ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจของ Starbucks มีทั้งสิ้น 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) บริหารโดยบริษัทเอง (Company-operated) 2) ให้เช่าลิขสิทธิ์ (Licensed) ซึ่งการบริหารในรูปแบบดังกล่าวจะช่วยให้ Starbucks สามารถรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการได้ดีกว่าการขายสิทธิ์ในรูปแบบ Franchises
โดยราคาหุ้น Starbucks ได้มีราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์อยู่ที่ USD 117.80 และมีราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์อยู่ที่ USD 68.39 โดยหุ้น Starbucks มีราคาปิดอยู่ที่ USD 87.06 ณ ปัจจุบัน Starbucks มีมูลค่าตลาด (Market Cap) อยู่ที่ USD 99,892.6 Million, ซื้อขายที่ P/E 27.29 เท่า และมี Dividend Yield อยู่ที่ 2.44% (อ้างอิงข้อมูลจากเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2022)
ปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตาม
การปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ อาจจะทำให้ต้นทุนของ Starbucks ปรับตัวสูงขึ้น และกำลังซื้อของผู้บริโภคอาจจะลดลง
Brand ถือว่าเป็น Intangible Asset ที่สามารถเพิ่มมูลค่าของตราสินค้าได้ ซึ่งจุดแข็งนี้ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญของบริษัท Starbuck ที่ทำให้ผู้บริโภคยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อรับการบริการที่มีคุณภาพและรสชาติของกาแฟ
การขยายสาขาใหม่ๆ ไปยังต่างประเทศ ที่ส่งผลต่อการขยายยอดขาย และมุมมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของ Starbucks
Investor Tip:
Starbucks – หนึ่งในบริษัทผู้นำธุรกิจกาแฟข้ามชาติระดับโลกสัญชาติสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งโดย Jerry Baldwin, Zev Siegl, และ Gordon Bowker จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “SBUX US” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
Source: KS Global Invest , CFRA Research ,Bloomberg