=== ไม่มีหุ้นอะไรที่ถือได้จนไม่ต้องดู ===
บทเรียนจากหุ้นโรงไฟฟ้าของ ปีเตอร์ ลินซ์

.
หากพูดถึงกลุ่มหุ้นที่นักลงทุนเชื่อว่าปลอดภัยสุดๆ หนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มสาธารณูปโภค เพราะนั่นคือสิ่งที่ทุกคนต้องใช้ และบ่อยครั้งมักจะมีความผูกขาด หรือมีความได้เปรียบบางอย่างจนคู่แข่งต้องหนีห่างหากจะเข้ามาย่างกรายในอุตสาหกรรม
.
แม้ราคาหุ้นกลุ่มนี้จะดูไม่หวือหวา หรืออาจถึงขั้นเชื่องช้าเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น แต่ก็แลกกับอนาคตของธุรกิจที่ดูคาดการณ์ได้ค่อนข้างง่าย จนบางคนอาจใช้คำว่า "ถือลืม" ได้เลยกับหุ้นอุตสาหกรรมสาธารณูปโภค
.
แต่ไม่ใช่สำหรับ ปีเตอร์ ลินซ์ อดีตผู้จัดการกองทุนระดับโลก ที่ความเชื่อของเขาคือไม่มีหุ้นตัวไหนสามารถถือแบบไม่ต้องสนใจอะไรเลยได้ตลอดไป กับบทเรียนหุ้น Consolidated Edison ที่ราคาเคยร่วงลงไปกว่า 75%
.
.
.
ด้วยความที่ ปีเตอร์ ลินซ์ ทำงานเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นมานานมาก เขาจึงทันในยุคที่หุ้น Consolidated Edison พบเจอกับปัญหาพอดี ซึ่งบริษัทนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าครับ
.
อ้างอิงจากในหนังสือเหนือกว่าวอลสตรีท คุณลินซ์เล่าในหนังสือว่า ช่วงประมาณต้นทศวรรษที่ 1970 บริษัท Con Ed เจอปัญหาต่างๆ รุมล้อม ทั้งปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ปัญหาเรื่องการกำหนดราคาขายไฟฟ้า และจากที่ผมได้สืบค่นเพิ่มเติม ทาง Con Ed ยังเจอปัญหาทั้งหนี้ของบริษัทที่สูงเกินไป รวมถึงต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นอีกด้วย
.
ซึ่งในยุคนั้น ก็มีนักลงทุนหลายคนที่มองว่าหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ หุ้น Con Ed ราคาร่วงลงจากจุดสูงสุดมาจุดต่ำสุดถึงกว่า 75% ภายในเวลาไม่ถึงปี และบริษัทเกือบถึงขั้นล้มละลายเลยทีเดียว
.
แต่ก็ยังโชคดี เพราะที่สุดแล้ว Con Ed ก็สามารถผ่านวิกฤตตรงนั้นมาได้จนราคาหุ้นฟื้นตัวกลับมาในที่สุด แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ ปีเตอร์ ลินซ์ ตกผลึกบทเรียนสำคัญที่ว่า
.
"บริษัทนั้นไม่หยุดนิ่ง และอนาคตเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่มีหุ้นอะไรที่คุณสามารถถือโดยไม่ต้องสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น"
.
.
.
หากเรามาดูหุ้นหลายๆ ตัวในตลาดหุ้นไทย กระทั่งหุ้นสาธารณูปโภคเองก็มีจังหวะที่ราคาผันผวน บางครั้งหากตลาดร่วงหนักมากๆ หุ้นกลุ่มนี้ก็สามารถติดลบเกิน 50% ได้เลย
.
อาจเป็นความจริงว่า ถ้าหุ้นเหล่านี้มีพื้นฐานกิจการที่ดีจริง ท้ายที่สุดราคาย่อมกลับมา แต่หากมองอีกมุม ถ้าพื้นฐานธุรกิจของหุ้นตัวนั้นไม่ได้ดีจริงอย่างที่เราเชื่อไว้ (กระทั่ง Con Ed ที่ทำโรงไฟฟ้าและมีขนาดใหญ่พอตัวก็ยังเคยเกือบล้มละลาย) หุ้นตัวนั้นก็มีสิทธิเป็น "หุ้น 10 เด้งขาลง" ในนิยามของ ปีเตอร์ ลินซ์ ได้เช่นกัน
.
ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสายเติบโต หรือสายปันผลก็ตาม การติดตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นเป็นระยะๆ คือเรื่องสำคัญ ถึงเราจะนิยามตนเองว่าเป็นนักลงทุนผู้มองระยะยาวมากๆ แต่ธุรกิจก็มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ และหน้าที่ของนักลงทุนก็คือการเฝ้าติดตามว่าธุรกิจนั้นยังดีอยู่มากน้อยเพียงใด
.
หาไม่แล้ว สิ่งที่เราคิดว่าการลงทุนอันแสนปลอดภัยจนถือลืมได้ อาจกลายเป็นการหลับตาเดินเข้ากับดักตลาดหุ้นโดยไม่รู้ตัว
.
.
.
จากหนังสือ เหนือกว่าวอลสตรีท
.
—————————————