สรุปหุ้น CPF : วิกฤตโควิดกับโอกาสของธุรกิจ CPF

สรุปหุ้น CPF : วิกฤตโควิดกับโอกาสของธุรกิจ CPF

ฟังผู้บริหารของ CPF มาพูดในรายการ Money Talk แล้วน่าสนใจมากในแง่ของธุรกิจที่เริ่มต้นมาจากธุรกิจอาหารสัตว์ และเลี้ยงสัตว์ มาเป็นผู้เล่นระดับอินเตอร์ แต่เนื่องจากว่าธุรกิจเลี้ยงสัตว์มีราคาโลกเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้อัตรากำไรไม่คงที ปีไหนแย่ก็แย่ ปีไหนที่ดีก็ดีเวอร์เกินไป

ด้วยสาเหตุนี้เองทาง CPF จึงพยายามลงทุนในธุรกิจอาหารเพิ่มมากขึ้น ...

วิกฤตโรคระบาดเป็นอีก 1 บททดสอบที่น่าสนใจว่าบริษัทที่เราลงทุนมีความแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน ทางผู้บริหารบอกว่าวิกฤตครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสของ CPF

ฟังรายการ Money Talk แล้ว อยากนำมารวบรวมความคิดที่ได้จากการฟังครับ มีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกัน

1. เรื่องทั่วไปของธุรกิจ
ผู้บริหารบอกว่าตอนนี้ CPF มียอดขายจากธุรกิจอาหารสัตว์ 38% ฟาร์ม 44% และอาหาร 18% มีกิจการอยู่ 17 ประเทศทั่วโลก รายได้หลักๆของ CPF มาจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะจีนและเวียดนาม ที่บริษัทพึ่งลงทุนไปเมื่อหลายปีก่อน

สำหรับประเทศไทยนั้น ก็ยังเห็นการเติบโตได้ โดยบริษัทเน้นในเรื่องของ "ฟูดส์" หรือธุรกิจอาหารมากกว่า โดยเฉพาะผลิตอาหารสำเร็จรูปไม่ว่าจะเป็นการผลิตเองหรือรับจ้างผลิต อีกทั้งยังมีการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างที่ผู้บริโภคเห็นไม่ว่าจะเป็น CP Freshmart ร้านเชสเตอร์ รวมถึงกิจการห้าดาวซึ่งตอนนี้ขยายใหญ่กว่าแต่ก่อนมาก

ธุรกิจที่ผันผวนมากที่สุด คือธุรกิจเลี้ยงสัตว์ ในปัจจุบันมีเรื่องของ Contact Farming หรือจ้างเกษตรกรเลี้ยงและประกันราคา และยังมีการทำเองเลี้ยงเองก็มีเหมือนกัน ธุรกิจเลี้ยงสัตว์ค่อนข้างผันผวนเพราะจะมีเรื่องของราคาตลาดโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ช่วงที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า CPF สามารถบริหารจัดการได้อย่างเหมาะสม
... แต่ก่อน บริษัทยังไม่มีช่องทางจัดจำหน่าย จึงเป็นลักษณะเลี้ยงเพื่อขายมากกว่า แต่ตอนนี้เราลงทุนในปลายน้ำมากขึ้น นำมาแปรรูปด้วย ทำเอง ใช้เอง แปรรูป ทำให้ความต้องการซื้อค่อนข้างคงที่ ไม่ล้นตลาดเหมือนสมัยก่อน

ในประเทศจีน CPF ไปลงทุนไว้นานแล้ว แต่ส่วนแบ่งการตลาดของเราก็ยังเล็กอยู่ประมาณ 3-4% ถึงแม้ส่วนแบ่งการตลาดเรายังเล็ก แต่ประเทศจีนเป็นประเทศที่ใหญ่ โอกาสการเติบโตยังมีอีกมาก

2. โอกาสในวิกฤต
เรื่องของ COVID ยอมรับว่าเราได้รับผลกระทบไปด้วย คือ การบริโภคลดน้อยลงไปด้วย การเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง แต่ถ้าดูจากภาพใหญ่ถือว่าน้อยกว่าธุรกิจอื่น
อย่างเช่นในอินเดีย ประเทศล๊อคดาว คือห้ามเปิดร้าน ห้ามคนออกมาเดินตามท้องถนนเลย เราก็ฟุบไปช่วงเวลาหนึ่ง แต่พอเปิดประเทศ คนออกมาซื้อของ ทำให้ไก่ขาดแคลนหนักในอินเดีย

หรือแม้แต่ในจีน เราก็โดนไปอาทิตย์หนึ่ง ห้ามวิ่งรถระหว่างเมือง แต่ตอนนี้ก็ถือว่าเปิดมากขึ้น ผ่อนคลายแล้วเราก็กลับมาเหมือนเดิม

การบริโภคน้อยลงก็จริง แต่ก็ถือเป็นโอกาสในเรื่องของการส่งอาหาร บริการ Delivery ตอนนี้ทางบริษัทก็มีทำอยู่เหมือนกัน

ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เราได้จากราคาหมูที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในเวียดนามและกัมพูชา มีโรคระบาดในหมูด้วย AFS ทำให้ราคาพุ่งสูงมากกว่าเดิม

วิกฤตโควิดเกิดขึ้น ดูเหมือนจะส่งผลเสียกับธุรกิจแต่กลับกลายเป็นว่าในร้ายก็มีดี เพราะมันทำให้เกิดนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ เช่นในเรื่องของการเลี้ยงที่สะอาด และต้องได้มาตรฐาน หลายรัฐบาลเองก็ใส่ใจในเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าใครอยากจะมาเลี้ยงหมูก็เลี้ยงได้เหมือนสมัยก่อน
รัฐบาลเองก็มีการตรวจเข้ม ต้องมีฟาร์มเลี้ยง โรงเลี้ยงถูกสุขลักษณะ เพราะถ้ามันเกิดโรคระบาดจริงๆ มันจะขยายไปเร็วมาก ตรงนี้ CPF ก็ได้ประโยชน์เพราะบริษัทมีชื่อเสียงมานาน ทำมานานแล้ว ประเทศไหนๆก็ให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี

3. เรื่องของเทสโก้โลตัส
CPF เข้าซื้อโลตัสในไทยและมาเลเซีย ถือหุ้น 20% ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว

ตอนนี้ถึงขั้นตอนไหน ?
... ตอนนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องของการผูกขาดทางการค้าหรือไม่ แต่ทางเราเชื่อว่าไม่น่าจะผิดอะไร

สิ่งที่ CPF จะได้ หลักๆมาจาก 3 ข้อคือ
1. ช่องทางการขายสินค้ามากขึ้น

2. สามารถจัดโปรโมชั่นของการตลาดมากขึ้น อย่างเช่นเมื่อก่อน ตอน Makro ยังไม่อยู่ในเครือ ยอดขายของบริษัทอยู่ที่ 200-300 ล้านบาท พอได้มาอยู่ในเครือแล้วยอดขายกระโดดขึ้นมาสูงมากๆ

3. ส่วนแบ่งกำไร และเงินปันผลจากโลตัส ธุรกิจของโลตัสมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

 ...

4. ทำไมนักวิเคราะห์ไม่ค่อยให้คุณค่ากับธุรกิจของ CPF
ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนหรือนักวิเคราะห์ไม่ค่อยมั่นใจกับ CPF เนื่องจากธุรกิจของ CPF ค่อนข้างผันผวน กำไรที่ได้มามีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้หลายอย่าง แต่ด้วยการปรับตัวของเรา การลงทุนอย่างต่อเนื่องก็เป็นบทพิสูจน์ได้แล้วว่า CPF เป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตต่อไปในอนาคต

ในธุรกิจฟูดส์ของ CPF ช่องทางการขายไม่ว่าจะเป็น CP Freshmart ร้านเชสเตอร์ หรือว่าห้าดาว เทียบกันแล้วถือว่าสัดส่วนน้อย แต่ถ้าดูเฉพาะกลุ่มจริงๆจะเห็นว่าเติบโตเฉลี่ยประมาณ 10% และมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก

ขอบคุณคลิปดีๆจากรายการ Money Talk ครับ