เปิดลายแทงการลงทุนหุ้นยุค COVID-19

เปิดลายแทงการลงทุนหุ้นยุค COVID-19 รอจังหวะตลาดทรุดรุกเข้าถือยาว

ยอดผู้ป่วย COVID-19 ลดลงต่อเนื่องหลายวันติดต่อกัน โดยล่าสุด ณ วันที่ 21 เมษายน 2563 มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 2,811 ราย เฉพาะผู้ป่วยใหม่อยู่ที่ 19 ราย ลดลงมากเมื่อเทียบกับวันที่ 22 มีนาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่มีผู้ป่วยใหม่สูงที่สุดถึง 188 ราย อย่างไรก็ตามแม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นตามลำดับ แต่การยังไม่รู้จุดจบการระบาดของโรคอย่างแน่นอน ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนเต็มๆ

แล้วดัชนีที่ระดับเท่าไหร่ถึงควรจะเข้าลงทุน?

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ต่างมองตรงกันว่า SET ที่ระดับ 1,000 จุดหรือต่ำกว่านั้น เป็นจุดที่ควรทยอยสะสมหุ้น เพื่อลงทุนระยะยาว โดยนักวิเคราะห์ประเมินจากค่า PE เฉลี่ยย้อนหลัง 14 ปี จะได้ PE 11.4 เท่า หรือกรณี Worst Case ดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 880-930 จุด


นักวิเคราะห์จากบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินว่าจุดต่ำสุดของ SET จะอยู่ในเดือนพฤษภาคม ที่นักลงทุนจะได้เห็นผลกระทบที่แท้จริงของ “ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ไตรมาส 1/63” ซึ่งเชื่อว่าจะแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ ประกอบกับการปรับลดตัวเลข GDP ของไทยและทั่วโลก นอกจากนี้ประเมินยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ยังเพิ่มสูงขึ้น แม้หลายๆ ประเทศจะประกาศล็อคดาวน์เมืองไปแล้วก็ตาม

ประเมิน SET Target ปีนี้ที่ 1,150 จุด

อย่างไรก็ตามหากมองทั้งปี บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ได้ตั้ง SET Target สิ้นปี 2563 ไว้ที่ 1,150 จุด อิง PE 14 เท่า (ค่าเฉลี่ย 14 ปี) และ EPS 81.5 บาท -5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) ซึ่งอยู่บนสมมตฐิาน GDP ปี 2020 ที่ปรับลงจาก 2.0% เหลือ 0.5% ราคาน้ำมันดิบ Brent เฉลี่ย 43 ดอลลารสหรัฐ/บาร์เรล ปรับลดลง 33% YoY อย่างไรก็ตามยังมีความหวังยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 จะชะลอตัวลงอย่างช้ากลางปี 2563 ขณะที่ปัจจัยในประเทศโครงการประมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐ น่าจะเดินหน้าได้เต็มที่ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 หากสถานการณ์ดีขึ้น ส่วนภัยแล้งในเดือนนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่าอยู่ในขอบเขตที่รัฐบาลสามารถจัดการได้

ควรจะลงทุนในหุ้นตัวไหนดี?   

สำหรับการลงทุนในหุ้นรายกลุ่ม บล.ฟินันเซีย ไซรัส แบ่งการลงทุนออกเป็น 3 เฟส ดังนี้


1.ช่วงที่ COVID-19 ระบาดหนัก 

• อุตสาหกรรมที่ไม่รอด : ท่องเที่ยว สายการบิน ร้านอาหาร ธุรกิจที่มีหน้าร้าน โรงภาพยนตร์ สปา สื่อบันเทิง สื่อประชาสัมพันธ์ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติทั้งหมด

• อุตสาหกรรมที่รอด : ธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ธุรกิจเดลิเวอรี่ ค้าปลีกออนไลน์ ธุรกิจสื่อสาร (จากความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์จากการ Work From Home)

2.เมื่อ COVID-19 คลี่คลาย ธุรกิจเหล่านี้จะฟื้นก่อน

• กลุ่มอาหาร : CPF,TFG, TVO, RBF, TKN, M, ZEN, AU

• กลุ่มเครื่องดื่ม : CBG, OSP, ICHI, SAPPE, TACC

• กลุ่มค้าปลีก : CPALL, HMPRO, CRC, CPN

• กลุ่มการแพทย์ : CHG, BCH, BDMS, EKH

• กลุ่มสื่อนอกบ้าน : PLANB, VGI

• กลุ่มโรงไฟฟ้า : BGRIM, GPSC, GULF

• กลุ่มรับเหมา : CK, STEC, SEAFCO, PYLON

• กลุ่มรถไฟฟ้า : BEM, BTS

• กลุ่มอสังหา : AP, LH

3.หุ้นที่ได้รับผลกระทบไม่มาก ยังแข็งแกร่ง แต่ได้เปรียบจากราคาหุ้นปรับลดลงมาก ตามภาวะตลาดหุ้น (สามารถลงทุนได้ในระยะยาว 2-3 ปี)

• กลุ่มเกษตร : GFPT, KSL,STA, NER

• กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ : HANA, KCE

• กลุ่มท่องเที่ยว : ERW, CENTEL, MINT, AOT

• กลุ่มสื่อนอกบ้าน/โรงภาพยนตร์ : PLANB, VGI, MAJOR

• กลุ่มโรงไฟฟ้า : BGRIM, GPSC, GULF

• กลุ่มสื่อสาร : ADVANC, INTUCH

• กลุ่มรถไฟฟ้า : BEM

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก