เราจะรวยจากหุ้นได้ไหม ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงสูง มีวิธีเล่นหุ้นที่จะทำให้ไม่เสี่ยงหรือไม่ แล้วข่าวที่ออกคือมีคนจำนวนมาก "เจ๊ง" จากหุ้น เราจะหลีกเลี่ยงเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร
ค้นหาคำตอบที่นักลงทุนถามเข้ามามากที่สุด 10 คำถาม "คาใจ" ที่คนเล่นหุ้นอยากรู้คำตอบมากที่สุด มีอะไรบ้างไปดูกันครับ ... ?
1. เราจะร่ำรวยจากหุ้นได้อย่างไร ?
ตอบ ... เคยสังเกตไหมว่าทำไมเศรษฐีทั่วโลก ถึงมีหุ้น เพราะหุ้นให้ผลตอบแทนดีที่สุดในระยะยาว เมื่อรวมกับดอกเบี้ยทบต้นแล้ว จะยิ่งทวีความมั่งคั่งเพิ่มเข้าไปอีก ได้ทั้งปันผล ได้ทั้งมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น นี้เป็นจุดที่จะทำให้เราร่ำรวยจากตลาดหุ้นได้
2. หุ้นทำให้ชีวิตเรามั่นคงได้อย่างไร ?
ตอบ ... สิ่งที่เราจะได้จากหุ้น แยกออกเป็น 2 ส่วนคือ ราคาหุ้นและเงินปันผล ... ประเด็นสำคัญอยู่ที่เงินปันผล เพราะถ้าบริษัทดีๆ เงินปันผลแทบจะไม่ลดลงเลย ในขณะที่ราคาหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงทุกๆวัน ถ้าเราสามารถยึดติดอยู่กับเงินปันผลได้ สะสมมันไปเรื่อยๆ จะทำให้เรามั่นคงและมั่นคั่งในระยะยาว
ตัวอย่างเช่น KBANK ถ้าเราดูจากประวัติการปันผลแล้วไม่เคยลดลงเลยตั้งแต่ปี 2001 ... ลองคิดในเชิงดอกเบี้ยทบต้นดูว่าจะเพิ่มมูลค่าให้เราเท่าไร
3. เล่นหุ้นแล้วไม่เสี่ยง มีไหม ?
ตอบ ... เราต้องถามตัวเองก่อนว่า ความเสี่ยง คืออะไร ?
คือความผันผวนของตลาดหุ้น หรือราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงในทุกๆวัน ตรงนี้ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งซึ่งเราควบคุมไม่ได้ แต่สิ่งที่เราควบคุมได้ คือ ตัวเราเอง
นักลงทุนระยะยาว ศึกษางบการเงิน เข้าใจบริษัท เข้าใจว่ามูลค่าของมันอยู่ที่ราคาเท่าไร ซื้อตอนราคาถูก(ในเชิงมูลค่า) คือชนะตั้งแต่ตอนซื้อ ลงทุนด้วยความรู้ ไม่ใช่ความเสี่ยง
นักเก็งกำไร มีแผนการเข้าออกตลอดเวลา จังหวะที่ซื้อนักเก็งกำไรรู้จังหวะในการถอย จังหวะคัต หรือแม้กระทั่ง Let Profit Run เพราะพวกเขามีระบบการเทรดหุ้นที่ยึดถืออยู่นั้นเอง
กลับมาที่คำถามว่า เล่นหุ้นไม่เสี่ยง มีไหม ก็ต้องตอบว่า มี อยู่ที่ว่าเราเข้าใจหุ้น มีความรู้มากน้อยแค่ไหน
4. เล่นหุ้นช่วยเราตอนเกษียณได้อย่างไร ?
ตอบ ... คนทำงานมีวันหมดแรง แต่เงินทำงานไม่มีวันหมดแรง แต่ใช้ระยะเวลาในการสร้างนาน ดังนั้นใครเริ่มลงทุนก่อนจะได้เปรียบ ยิ่งลงทุนตั้งแต่อายุน้อย สะสมไปเรื่อยๆเมื่อเราแก่ตัวไปทำงานไม่ไหว เงินที่เราเคยสร้างตอนเราทำงาน จะกลับมาทำงานให้เราแทน
5. ใครๆก็ "เจ๊งหุ้น" แล้วเราจะอยู่รอดได้อย่างไร ?
ตอบ ... การเล่นหุ้นแล้วเจ๊ง มีหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักๆมีอยู่ 4 อย่างด้วยกันคือ
- คิดสั้นไป
- ซื้อแต่หุ้นปั่น หุ้นดีไม่ซื้อ
- ทนรวยไม่ได้ หุ้นขึ้นนิดหน่อยรีบขายทำกำไร
- หุ้นดี ต้องรู้จังหวะ .. จังหวะในการเข้าซื้อ เทคนิเคิลช่วยได้
ถ้าเรารู้สาเหตุ และหลีกเลี่ยง เราจะอยู่รอดได้ .. แต่ต้องใช้เวลาในการทำใจนานเราเรียกว่า "ประสบการณ์"
6. ทำไมเศรษฐีถึงวางเงินในหุ้นเป็นส่วนใหญ่
ตอบ ... เศรษฐีมีเงินสดน้อย แต่มีสินทรัพย์มาก พวกเขารู้จักวางเงินไว้ในสินทรัพย์ที่ทำเงินได้ในระยะยาว เรียกง่ายๆว่า วางเงินทำงาน เพราะเงินทำงานให้พวกเขา พวกเขาจึงเป็นเศรษฐี
7. เก็งกำไรระยะสั้น Vs. ลงทุนระยะยาว แบบไหนดีกว่ากัน
ตอบ ... มีข้อดีคนละแบบ เก็งกำไรระยะสั้นสร้างกระแสเงินสดระยะสั้น ลงทุนระยะยาวสร้างความมั่นคงในอนาคต
8. พื้นฐาน Vs.เทคนิเคิล อะไรดีกว่ากัน
ตอบ ... ดีกันคนละแบบ ศาสตร์แต่ละศาสตร์มีประโยชน์ที่จะช่วยให้เราอยู่ได้ในตลาดหุ้น ในอดีตเราอาจจะคิดว่าถ้าคนเก่งพื้นฐาน อ่านงบ ก็ต้องเก่งไปเลย ศึกษาเฉพาะศาสตร์ดูหุ้นถูกแพงเพียงอย่างเดียว หรือนักเก็งกำไรก็ใช้เส้นกราฟในการซื้อขาย ไม่จำเป็นต้องศึกษางบการเงินเพราะราคาหุ้น "สะท้อนทุกสิ่ง"
แต่ความคิดนี้สุดโต่งเกินไป นักลงทุนสมัยใหม่ต้องเชี่ยวชาญทั้ง 2 ศาสตร์ อ่านงบก็ได้ ดูกราฟก็เป็น เพราะคนอื่นๆเขาเป็นหมดแล้ว เราจะไม่เป็นอยู่ได้อย่างไร .. จริงไหม !!
9. ศึกษาการอ่าน "พื้นฐาน" ไม่เก่งตัวเลข จะเรียนรู้ได้ไหม
ตอบ ... ได้แน่นอน!! เพราะสิ่งที่เราต้องใช้ คือ การบวก ลบ คูณ หาร เท่านั้น จุดเริ่มต้นของการเริ่มอ่านพื้นฐานให้เป็น คือศึกษาเรื่องของอัตราส่วนทางการเงินสำคัญ เช่น ค่า P/E, P/BV อัตราปันผล อัตรากำไรสุทธิ เมื่อชำนาญแล้วจึงเริ่มศึกษาเรื่องอื่น
10. ถ้าอยากศึกษา "เทคนิเคิล" ยากไหม ควรเริ่มต้นจากตรงไหน
ตอบ ... ไม่ยาก! คนเริ่มต้นไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ซับซ้อน เราควรเริ่มต้นจาก "เส้นค่าเฉลี่ย" Moving Average 100 วัน หรือ 200 วัน เพื่อบอกแนวโน้มของหุ้นง่ายๆ ถ้าหุ้นซื้อขายเหนือเส้นค่าเฉลี่ย นั้นหมายถึงหุ้นเป็นขาขึ้น แต่ถ้าเมื่อไรหุ้นซื้อขายต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย นั้นหมายถึงหุ้นเป็นขาลง ...
นี้เป็น 10 คำถามที่นักลงทุนรายย่อยถามกันมากที่สุด ครับ หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนที่กำลังเริ่มต้นศึกษาเพื่อให้เข้าใจว่า ตลาดหุ้นไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย