“กรุงไทย” หุ้นแบงก์สุดแข็งแกร่ง
คาดปี 66 แจกผลตอบแทนกว่า 4%

.
หุ้นปันผลสัปดาห์นี้ Wealthy Thai ขอนำหุ้นธนาคารใหญ่อย่าง KTB หรือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มานำเสนอ เพราะนอกจากจะเป็นหุ้นที่ให้ให้อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ดีแล้ว ยังมีคุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่ง และได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ รวมถึงมีโอกาสต่อยอดการเติบโตในระยะกลางถึงยาวจากการพัฒนา Application เป๋าตัง และ Krungthai NEXT ด้วย
.
โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 จนถึงปัจจุบัน KTB มีอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ 4.16% และติดอยู่ในลำดับที่ 18 ของดัชนี SETHD หรือ SET High Dividend 30 Index ดัชนีที่สะท้อนความเคลื่อนไหวราคาหุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง (Market Capitalization) มีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอและมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง
.
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า KTB มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2565 บริษัทจ่ายเงินปันผลไปทั้งหมด 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 2.78 บาท ล่าสุดบริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดผลประกอบการปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิและผู้ถือหุ้นสามัญในอัตราหุ้นละ 0.8365 และ 0.682 บาท ตามลำดับ ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 18 เม.ย. 66 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 พ.ค. 66
.
ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัท หลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่าปี 2566 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.74 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 4.45% ส่วนปี 2567 คาดจะจ่ายเงินปันผลที่ 0.76 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 4.58%
.
ทั้งนี้ ปัจจุบัน KTB มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) อยู่ที่ 229,207.40 ล้านบาท และมี P/E อยู่ที่ระดับ 6.80 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 5 เม.ย. 2566) โดยราคาหุ้นวันที่ 5 เม.ย. 2566 อยู่ที่ 16.40 บาท ปรับตัวลดลง 7.34% จากช่วงต้นปี
.
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2566 บริษัท หลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 8.06 พันล้านบาท โดยกำไรลดลง 8% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลง 1% จากไตรมาสก่อนหน้า เพราะคาดรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ลดลง 21% จากไตรมาส 1/65 และ 33% จากไตรมาส 4/65 เพราะรายได้ค่าธรรมเนียม-บริการลดลง และรับรู้กำไรจากการลงทุน (FVTPL) น้อยลง รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) เพิ่มขึ้น 42% จากไตรมาส 1/65 และ 4% จากไตรมาส 4/65 จากการตั้งสำรองเผื่อความไม่แน่นอนในอนาคต
.
นอกจากนี้ คุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอลง กลบการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ 2.86% เพิ่มจากไตรมาส 1/65 และไตรมาส 4/65 ที่ 2.41% และ 2.82% ตามลำดับ จาก yield on loan สำหรับสินเชื่อลดลง ในด้านคุณภาพสินทรัพย์ NPL Ratio อยู่ที่ 3.35% เพิ่มขึ้นจาก 3.26% ในไตรมาส 4/65 และ Coverage Ratio ที่ 168% ใกล้กับไตรมาสก่อนหน้าที่ 172%
.
ส่วนไตรมาส 2/66 คาดกำไรสุทธิลดลงจากไตรมาส 2/65 จากค่าใช้จ่ายสำรอง แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/66 โดยภาพรวมประเมิน KTB 1. จะได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐปี 2566 ที่มีมากกว่าปีก่อน ซึ่งสินเชื่อภาครัฐเป็นหนึ่งในพอร์ตหลักของ, 2. มีคุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่ง เพราะพอร์ตส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ
.
และ 3. มีแนวโน้มเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ผ่านทาง Application เป๋าตัง และ Krungthai NEXT จึงให้น้ำหนักการได้ประโยชน์ในระยะกลางถึงยาวที่จะเห็น Data Analysis และ Cross- selling
.
ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์จึงคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 ที่ 3.47 หมื่นล้านบาท เติบโต 3% จากปีก่อน รวมถึงคงคำแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมาย ที่ 22 บาท