ในสัปดาห์นี้ หรือช่วงระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคมของทุกปี จะเป็นวันหยุดยาวติดต่อกันของชาวจีนในโอกาสวันสถาปนาชาติ จนมีการเรียก Long weekend ช่วงนี้ว่า ‘Golden week’ ซึ่งจากข้อมูลของโบรกเกอร์ต่างชาติรายหนึ่ง ได้เปิดเผยผลสำรวจและจัดอันดับแหล่งเป้าหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วง Golden week ของปีนี้ มีความน่าสนใจคือ นักท่องเที่ยวจีนได้เลือกเดินทางมายังประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

อย่างไรก็ดี ถ้ามองราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวของไทยในปัจจุบัน กลับยังไม่เห็นการตอบรับเชิง sentiment จากอานิสงส์วันหยุดยาวของจีนปีนี้ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่านักลงทุนยังติดใจอยู่ที่ประเด็นไหน? ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Valuation ที่ยังไม่น่าจูงใจ หรือผลกระทบจากการหายไปของ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ”หรือมีเรื่องอื่นๆ ที่ทำให้นักลงทุนยังลังเล ?
Money Channel ต่อสายถึงนักวิเคราะห์ 3 ค่าย เพื่อขอความเห็นที่มีต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว รวมทั้งคำแนะนำถึงจังหวะเข้าลงทุน ตลอดจนประเมินโอกาสที่หุ้นจะฟื้นตัวในช่วงที่มีปัจจัยทางฤดูกาลเข้ามาสนับสนุน
เริ่มต้นด้วยคุณวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.บัวหลวง บอกว่า ในช่วงต้นสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคมทุกปี จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวในไทยเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นเทศกาล ‘Golden week’ ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมการท่องเที่ยวไทยให้คึกคักมากขึ้น และเชื่อว่าจะคึกคักต่อเนื่องตลอดทั้งไตรมาสสุดท้ายของปี แต่ถ้าหากสังเกตราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวปัจจุบัน พบว่ายังคงเคลื่อนไหวทรงตัว ซึ่งคาดว่าจะรอผลประกอบการงบไตรมาส 3 ที่น่าจะทยอยประกาศออกมาในช่วงเดือน พ.ย.ก่อน ถึงจะค่อยกลับมาเก็งกำไรตามไฮซีซั่นของธุรกิจท่องเที่ยว
แต่ในมุมมองด้านการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ คุณวิกิจ มองว่าจังหวะนี้เป็นโอกาสเข้าทยอยสะสม เพราะโดยปกติในช่วงไฮซีซั่น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจะซื้อขายกันบน P/E ประมาณ 30-31 เท่า แต่ปัจจุบันยังซื้อขายบนค่าเฉลี่ย P/E ที่ 27 เท่า ทำให้เล็งเห็นถึงโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการฟื้นตัวขึ้นราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจะเกิดขึ้นในปลายปีนี้
ค่าย “บัวหลวง” มองหุ้นในกลุ่มโรงแรมที่น่าสนใจที่สุด ได้แก่ ERW (ราคาพื้นฐาน 5.60 บาท) , CENTEL (ราคาพื้นฐาน 48 บาท) , และ MINT (ราคาพื้นฐาน 47 บาท ) รวมถึงหุ้น AOT ซึ่งแม้ว่าราคาหุ้นจะค่อนข้างสูง แต่ก็ถือว่ายังมี Upside อยู่พอสมควร เมื่อเทียบกับราคาพื้นฐานที่ 490 บาท
อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มสายการบินยังมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อาจปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้เป็นปัจจัยกดดันกำไรในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
ข้ามมาที่โบรกเกอร์ “โนมูระ พัฒนสิน” คุณกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์การลงทุน มองหุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการเดินทางเข้ามานักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวน 3 บริษัท ซึ่งได้แก่ ERW (ราคาพื้นฐาน 6.30 บาท) เนื่องจากมีโรงแรมระดับ 3-4 ดาวเป็นจำนวนมากครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวเกือบทั่วประเทศ
อีกหนึ่งหุ้นคือ SPA (ราคาพื้นฐาน 14.40 บาท) เพราะเห็นได้ชัดว่าปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวจีนยังมีความนิยมมากที่เข้ามาใช้บริการสปาของไทย ส่วนหุ้นสุดท้ายคือ BEAUTY ที่ปัจจุบันได้รับนิยมสูงโดยมีสัดส่วนลูกค้าชาวจีนสูงถึง 20% ของยอดขายโดยรวม
ส่งท้ายด้วยคุณประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย แห่งโบรกเกอร์ค่าย “กสิกรไทย”ซึ่งบอกว่า แม้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะถูกกดดันจากการใช้มาตรการปราบปราม “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ของรัฐบาล จนทำให้กังวลว่านักท่องเที่ยวชาวจีนจะลดลง แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้กระทบมากต่อธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนของไทย
เหตุผลก็เพราะลูกค้ามักจะเข้าใช้บริการในส่วนที่เป็นโรงแรมระดับกลางและบนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเข้าสู่เทศกาล‘Golden week’ แต่จากฐานจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ใหญ่ขึ้น จึงทำให้อัตราการเติบโตจะไม่โดดเด่นเหมือนเช่นในอดีต
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ ถ้าหากประเมินราคาหุ้นในปัจจุบัน ก็ถือเป็นโอกาสดีในการ “ทยอยซื้อสะสม” เพราะราคาหุ้นยังไม่สะท้อนปัจจัยบวกตามฤดูกาล โดยหุ้นแนะนำของโบรกเกอร์รายนี้ ได้แก่ CENTEL, MINT, AAV และ BA
Credit - Moneychannel