ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดคำทำนายนักวิเคราะห์รุ่นเก๋า ฟันธงหุ้นไทยปี64

โดย Durant
เผยแพร่ :
59 views

เปิดคำทำนายนักวิเคราะห์รุ่นเก๋า ฟันธงหุ้นไทยปี64 ไป 1,700 จุด “ฟองสบู่”เกิดแน่แต่ยังไม่แตกตอนนี้

คุณจะคิดว่าไง ถ้ามีใครบอกคุณว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยไตรมาสแรกของปี 64 จะแตะที่ระดับ 1,700 จุด ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ COVID – 19 ในรอกใหม่ที่เริ่มรุนแรง ปัญหาเศรษฐกิจไม่ถูกแก้ไข แถมการเมืองไทยยังไม่นิ่งสนิท แต่ในมุมมองของ บล.ไอร่า เขามั่นใจว่า ดัชนีปีหน้าจะไป 1,700 จุด แถมจะเร็วกว่าที่หลางคนคาดคิด

 

เทรดกันอยู่ที่ P/E 17-29 เท่า ธีมหุ้นที่น่าลงทุนกลุ่มโรงกลั่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ อาจจะเกิดฟองสบู่จนถึงขั้นเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งรอบที่ 2 หลังจากที่เงินทุนนอกไหลเข้า จนทำให้ค่าเงินบาทแข็ง

 

ความเห็นเรื่องดัชนีหุ้นไทยจะไป 1,700 จุด เกิดขึ้นในการสัมภาษณ์ รายการ WEALTHY TALK ในเพจ เวลตี้ไทย เมื่อกูรู คนสำคัญของเรา มองว่าหุ้นไทยจะขึ้นได้อีกมาก โดย พี่ พงศ์ สมพงค์ เบญจเทพานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า จำกัด (มหาชน) มองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 1/64 จะยืนที่ระดับ 1,700 จุด ซึ่งจะเห็นได้จากที่ในช่วงเดือนพ.ย.63 ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ ระดับ 1,200 จุด และในช่วงเดือนธ.ค.ดัชนีปรับเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 1,400 จุด จากกระแสเงินทุนไหลเข้าของต่างชาติ

 

“พี่มั่นใจว่า ดัชนีปีหน้าจะไป 1,700 จุดและเร็วกว่าที่หลายคนคิด การเข้าเคลื่อนรอบนี้จะมาจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้าซื้อหุ้น เม็ดเงินมันท่วมโลก และไหลเข้าหุ้นไทย ภาพนี้จะคล้ายกับในอดีตก่อนที่จะเกิดวิกฤติปี 40”

 

ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีความเป็นไปได้ว่าในไตรมาส 1/64 ดัชนีจะวิ่งขึ้นไประดับ 1,700 จุด โดยมองว่าค่า P/Eของตลาดจะซื้อขายกันที่ระดับ 17-20เท่า ขณะเดียวกันหากดูข้อมูลจาก www.settrade.com ที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายได้ทำประมาณการ EPS ในปี 64 จะเติบโต 39% เมื่อเทียบกับปี 63 ก็สามารถที่จะเป็นไปได้

 

สภาวะตลาดหุ้นในครั้งนี้เหมือนเป็นการก่อฟองสบู่ใหญ่ของโลกอีกครั้ง หลังจากเงินบาทแข็งเพราะมีเงินทุนไหลเข้า ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันใน 1992 ทั้งนี้คาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะเกิดต้มยำกุ้งรอบที่ 2 เพราะนี่คือการก่อฟองสบู่ครั้งใหญ่ของไทยอีกครั้งหนึ่งก็คือ โดยเวลาที่หุ้นขึ้นไม่ได้เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจรวมมากเท่าไหร่

 

แต่อย่างไรก็ตามอาจจะยังไม่ได้เห็นในช่วงเร็วๆนี้ เพราะขณะนี้ประเทศไทยถือว่าอยู่ในคลื่นของลูกที่ 3 โดยหากจะเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งอีกครั้งนั้นจะเป็นลูกที่ 5 ที่จะมีการเก็งกำไรสินทรัพย์ทุกประเภท ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นการเก็งกำไรในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

 

สำหรับ กลยุทธ์การลงทุนแนะนำกลุ่มปิโตรเคมีโดยเลือกลงทุนเป็นตัวตัวเช่น IRPC PTTGC และ SCC เพราะราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยธุรกิจปิโตรเคมีของทั้ง 3 หุ้นนี้จะเติบโตตามความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งทำให้ส่วนต่างราคาขายของผลิตภัณฑ์กับต้นทุนกว้างมากขึ้น ทำให้บริษัทเหล่านี้จะรับรู้กำไรจากราคาขายได้เพิ่มขึ้น โดยเลือกหุ้นกล่มนี้เป็น TOP PICK ของปี 64

 

ขณะเดียวกันแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนปรนนโยบายให้สามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลได้เป็นปกติ TMB ที่ขณะนี้มีปริมาณซื้อขายต่อวันในระดับสูงและมีการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยในระดับสูง ขณะที่ KTB เป็นหุ้นธนาคารพาณิชย์ที่ราคายัง Laggard กว่าหุ้นตัวอื่น

 

อีกทั้งการที่ KTB เป็นเจ้าของแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งทำให้มีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นผลดีต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคตหลังจากที่มีฐานของมูลของลูกค้ารายย่อย ทั้งนี้แนะนำเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่ม 5G ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า เพราะมีการลงทุนไปเยอะแต่ยังไม่สามารถกอบโกยเงินกลับมาได้ ถ้านักลงทุนมีหุ้นอยู่แนะนำให้ขาย

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


Durant