THAI ลั่นมีลุ้นหลุดแผนฟื้นฟูฯและนำหุ้นกลับมาเทรดก่อนกำหนด

THAI มั่นใจปีนี้ขาดทุนลดลง - รายได้เพิ่มขึ้น หลังเดินหน้าลดค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง พร้อมเตรียมขายสินทรัพย์-อาคารในต่างประเทศ หวังหลุดแผนฟื้นฟูฯ-นำหุ้นกลับมาเทรดได้ก่อนกำหนด
.
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่อาวุโส รักษาการประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยในงาน Opportunity Day ในวันนี้ว่า บริษัทยังคงเดินหน้าลดค่าใช้จ่ายเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมั่นใจว่าในปีนี้รายได้จะเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับผลการขาดทุนที่จะลดลง ขณะเดียวกัน บริษัทคาดหวังว่าจากการดำเนินการต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา จะทำให้สามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ด้วย
.
ขณะเดียวกัน บริษัทคาดหวังว่าจะสามารถนำหุ้นกลับมาเทรดได้ก่อนที่ตลาดจะเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดด้วย โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะมีเกณฑ์การพิจารณาอยู่แล้วว่า จะสามารถแก้ไขเหตุของการเพิกถอนได้หรือไม่ โดยมีระยะเวลา คือ 3 ปี บวกได้อีก 1 ปี ซึ่งจะครบกำหนดมี.ค. 68 แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความมุ่งหมายว่าจะพยายามให้กลับมาเทรดได้ก่อนกำหนด
.
ส่วนความความคืบหน้าในการระดมทุนใหม่ตามแผนฟื้นฟูกิจการนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องปรับแผนโครงสร้างทุนใหม่ ซึ่งจะมีความคืบหน้าเร็วนี้ โดยหลังจากนี้จะต้องกลับไปดูโครงสร้าง การระดมทุนจะเป็นลักษณะไหน มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ โครงสร้างทุนจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะมีความคืบหน้าต่อไป
.
สำหรับกระบวนการขายทรัพย์สินยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาว่าสินทรัพย์เหล่านั้นมีคุณค่าในการใช้งานต่อหรือไม่ โดยหลังจากนี้จะเป็นการขายสำนักงาน หรือ ทรัพย์สินที่อยู่ต่างประเทศ เนื่องจากโครงสร้างธุรกิจเปลี่ยนไป ดังนั้นการขายออนไลน์จะมีบทบาทมากขึ้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องเก็บทรัพย์สินเหล่านั้นไว้ในต่างประเทศ
.
ด้านสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่อสายการบินทั่วโลกรวมถึงไทย จากสถานการณ์สงครามในรัสเซียและยูเครนนั้น ทำให้บริษัทจำเป็นต้องหารายได้เพิ่ม โดยหลักจะมาจากการขายคาร์โก้ (Cargo) ใต้ท้องเครื่อง ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่า คาร์โก้ ถือเป็นรายได้หลักทางหนึ่งในช่วงสถานการณ์โควิด ที่ผู้โดยสารส่วนใหญ่งดการเดินทาง ทำให้ต้องใช้เครื่องในการส่งสินค้า โดยเฉพาะผลไม้ ไปยังจีน และอินเดีย
.
ขณะที่แผนการกู้เงินจากสถาบันการเงิน โดยกำหนดเดิมในแผนการฟื้นฟูกิจการระบุไว้ที่ 50,000 ล้านบาท แต่ได้ปรับลดลงเหลือ 25,000 ล้านบาท ซึ่งจากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาจะพบว่า ส่วนของกระแสเงินสดปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงอาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้สินเชื่อใหม่ถึง 25,000 ล้านบาท
.
ส่วนความคืบหน้าของการลงนามลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือทางธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ (MOU) ร่วมบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT นั้น จะใช้เวลาในการศึกษาประมาณ 1 ปี โดยตามหลักของการร่วมทุน (JV) จะเป็นการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน แต่จะใช้บริษัทไหนขึ้นอยู่กับแผนการศึกษาที่จะออกมา
