สงสัยจะไปเที่ยวกันหลายท่าน ขอให้มีความสุขนะครับ เจออะไรคาดว่ามีประโยชน์ผมเลยมาคุยไว้ครับ
เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าดัชนีจะไปไหน ถ้ารู้มันรวยไปนานแล้ว นี่เราเดาทางหาเหตุหาผลมาคิดกัน ดีกว่าเล่นหวย เพราะมันอิงหลักการครับ
เรื่องดอกเบี้ยที่บางทีติดลบหรือร่อแร่นั้น ทำท่าจะยืนได้และกลายเป็นขาขึ้นครับ เดี๋ยวนี้เราคลำทางของเศรษฐกิจกันที่ดอกก็ได้นะ ถ้าดอกต่ำไม่มีใครกู้คือไม่รู้จะลงทุนอะไร
ถ้าดอกแพงแล้วมีคนกู้แสดงว่ามีช่องทางจะหารายได้
ยุคของทรั้ม อเมริกาน่าจะประหยัดขึ้น แม้จะเสียค่ากำแพงแยะ แต่ทนไม่ไหวเขาถึงทำ ไอ้พวกเสียประโยชน์นั่นแหละจะโมโห แล้วระวังอีกพรรคไปเข้าร่วมด่ากะประเทศเพื่อนบ้าน
ของบางประเทศพอได้บ้างก็ปล่อยๆไป เสียหายค่อยโวย อิอิ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ว่าทำเนียบขาวออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ เกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์นานราว 1 ชั่วโมง ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีเอ็นริเก้ เปญา เนียโต ผู้นำเม็กซิโก โดยระบุเป็นการสนทนาที่ "สร้างสสรรค์และเป็นมิตรอย่างยิ่ง" ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีเม็กซิโกเผยแพร่แถลงการณ์ที่มีเนื้อหาคล้ายคลึงกัน แต่ระบุเพิ่มเติมว่า ผู้นำของทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันในเบื้องต้น ว่าจะระงับการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะต่อกรณีพิพาทที่ทรัมป์ต้องการก่อสร้างกำแพงกั้นตลอดแนวพรมแดนทางตอนใต้ แล้วให้เม็กซิโกรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ขณะที่ในช่วงหนึ่งของการแถลงร่วมกับนายกรัฐมนตรีเทรเซา เมย์ ผู้นำสหราชอาณาจักร ซึ่งเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันอย่างเป็นทางการ ทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องกำแพง แต่พูดในกรอบกว้างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก ว่าต้องการสร้างสรรค์ "ความสัมพันธ์รูปแบบใหม่" กับประเทศเพื่อนบ้านทางใต้ "ในระดับที่เท่าเทียมกัน" ทรัมป์กล่าวด้วยว่า สหรัฐเสียเปรียบดุลการค้าให้กับเม็กซิโกราว 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน ( ราว 2.1 ล้านล้านบาท ) ในเวลาเดียวกับที่มาตรการควบคุมพรมแดนของสหรัฐหละหลวมตลอดมา ซึ่งนับจากนี้จะต้องไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยืนยันจะไม่มีทางเป็นฝ่ายประนีประนอมให้กับแคนาดาและเม็กซิโก ในการเจรจาครั้งใหม่ตามกรอบเนื้อหาในความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ ( นาฟตา ) ที่รัฐบาลวอชิงตันชุดปัจจุบันมองว่า ทำให้สหรัฐเป็นฝ่ายเสียปรียบมาตลอด 23 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโกตึงเครียดขึ้นอย่างชัดเจน นับตั้งแต่ทรัมป์ลงนามใช้อำนาจพิเศษสูงสุดของฝ่ายบริหาร สั่งให้เริ่มโครงการกอ่สร้างกำแพงระยะทางราว 3,200 กิโลเมตร ทอดยาวตอลดแนวชายแดนทางใต้ระหว่างสองประเทศ และเสนอเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกเพิ่มเป็น 20% เรียกเสียงประณามอย่างหนักจากหลายฝ่าย จนทำเนียบขาวต้องออกมาคลี่คลายสถานการณ์ในเวลาต่อมา ว่าการขึ้นภาษีเป็นเพียงหนึ่งในแนวคิดที่อาจไม่มีการนำมาปฏิบัติจริงก็ได้.