หุ้นเติบโต แพงไปหรือยัง?
มองให้ลึกกว่าค่า PE แล้วคุณจะเห็นโอกาสที่คนอื่นไม่กล้ามอง
เวลามีคนถามว่า “หุ้นตัวนี้แพงไหม?” คำตอบที่ดีอาจไม่ใช่แค่ดู PE อย่างเดียว แต่ต้องดูว่า “มันอยู่ในช่วงไหนของชีวิตธุรกิจ” และ “มันจะโตได้แค่ไหนอีก?” นี่ต่างหากคือจุดเริ่มของการมองหุ้นเติบโตให้ขาด

หุ้นเติบโตแบ่งเป็น 3 ช่วง
• ช่วงต้น (Early Growth)
บริษัทเพิ่งเริ่มโต อาจยังไม่มีกำไร หรือกำไรน้อยมาก ค่า PE จึงมัก “สูงเว่อร์” แบบ 100 เท่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะกำไรยังไม่มา
• ช่วงกลาง (Mid Growth)
เริ่มมีกำไรสม่ำเสมอ มีการขยายกิจการ เห็นการเติบโตต่อเนื่อง PE เริ่มลดลง เพราะกำไรโตตาม
• ช่วงปลาย (Late Growth)
ธุรกิจเริ่มเข้าสู่ระยะอิ่มตัว เติบโตช้าลง แต่มีความมั่นคงมากขึ้น จุดนี้แหละที่ PE เริ่มสะท้อน “ความคาดหวัง” ที่ลดลง
นักลงทุนบางคนใจร้อน เห็น PE สูงก็ตกใจหนี แต่ถ้าธุรกิจยังอยู่ในช่วงต้นของการเติบโต แล้วมีโอกาสโตอีกหลายเท่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า… บางทีที่คุณเรียกว่า “แพง” อาจคือ “ถูก” ก็ได้
..
แล้วจะประเมินยังไงดี?
• อย่าดูแค่ PE อย่างเดียวในช่วงแรกๆ
เพราะกำไรยังน้อย PE จึงไม่สะท้อนศักยภาพในอนาคต ให้มองไปที่ “Market Cap” ว่าอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วลองคิดเล่นๆ ว่าในอีก 3 ปี ถ้าบริษัทมีกำไรเท่ากับบริษัทใหญ่ๆ วันนี้… Market Cap ควรเป็นเท่าไหร่?
• ลองใช้แนวคิด PEG (PE ÷ Growth)
ถ้า PEG < 1 แปลว่าน่าสนใจ เช่น PE 30 แต่โตปีละ 50% → PEG = 0.6 เท่านั้น
แต่ถ้า PEG > 1 มากๆ ก็ต้องระวังว่าเราอาจกำลัง Overpay
• คิดล่วงหน้า 3 ปี
ลองประเมินว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า EPS (กำไรต่อหุ้น) จะอยู่ที่เท่าไหร่ แล้ว PE ที่เหมาะสมของหุ้นนั้นควรอยู่ที่กี่เท่า เช่น 25x, 30x หรือมากกว่านั้น จากนั้นลองคำนวณว่า ถ้าถือหุ้นจากวันนี้ไปถึงตอนนั้น… เราจะได้ผลตอบแทนต่อปีเท่าไหร่? ถ้าเกิน 15–20% ต่อปี และเรามั่นใจในการเติบโต — ก็ถือว่าน่าสนใจ
…
มองหา “การเติบโตที่โดดเด่น” ไม่ใช่แค่โตธรรมดา
หุ้นเติบโตที่น่าสนใจจริงๆ มักมี “ตัวเร่ง” ที่ทำให้กำไรโตผิดปกติ (Exceptional Growth) เช่น:
• ยอดขายโตแรงมาก เพราะราคาขายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าตั๋วเครื่องบินปรับขึ้น หรือบริษัทขายน้ำดื่มขึ้นราคา
• ต้นทุนลดฮวบ เช่น ค่าเสื่อมราคาหมดพอดี กำไรจึงกระโดดขึ้น
• เกิด Economy of Scale — ยิ่งขยายสาขา ยิ่งกำไรดีขึ้น เพราะต้นทุนคงที่ไม่เพิ่มตาม
โอกาสพวกนี้จะไม่ปรากฏชัดในข่าวทั่วไป ต้องลงลึก อ่านตัวเลข วิเคราะห์สาเหตุ ถ้าเข้าใจจริงๆ จะมองเห็น “ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่” และเป็นประสบการณ์ลงทุนที่ใช้ได้ตลอดชีวิต
…
อย่ามองแค่ตัวเลข… มองภาพใหญ่
• ลองเทียบกับขนาดอุตสาหกรรม เช่น ถ้าทั้งตลาดมีมูลค่า 100,000 ล้านบาท และบริษัทที่เราดู Market Cap แค่ 3,000 ล้าน แต่กำลังจะกลายเป็นเบอร์ 1 ในอนาคต ก็มีโอกาสโตได้อีกหลายเท่า
• ดูตัวอย่างจากประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ธุรกิจคลินิก, อีคอมเมิร์ซ, หรือฟินเทค ที่ไทยยังเล็ก แต่ต่างประเทศโตมาแล้ว
ประเทศเราอาจกำลังเดินตามรอยพวกเขาอยู่ก็ได้
…
สรุป
หุ้นเติบโตไม่ได้แพงเสมอไป และบางครั้งที่ดูเหมือน “แพง” อาจกลายเป็น “ถูกมาก” หากเรามองทะลุถึงอนาคต
การเข้าใจ Stage ของธุรกิจ, การประเมิน Market Cap, การวิเคราะห์ตัวเร่งกำไร และการเทียบภาพใหญ่ของอุตสาหกรรม คือเครื่องมือที่สำคัญกว่าการดู PE เพียงตัวเดียว
ขอแค่ “กล้าคิด” + “ลงลึก” มากพอ โอกาสดีๆ มักซ่อนอยู่ในมุมที่คนอื่นมองข้ามเสมอ