ROE (Return on Equity) ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น นั้นเป็นอีกอัตราส่วนทางการเงินที่มีความสำคัญไม่แพ้กับ ROA ที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ โดยในการอธิบายสั้นๆ ROE นั้นจะสามารถบอกถึงศักยภาพว่าบริษัทมีความสามารถในการเปลี่ยนเงินลงทุนที่ผู้ถือหุ้นลงทุนไปได้ดีมากน้อยแค่ไหน
ยกตัวอย่างเช่นหาก ROE เท่ากับ 1% นั้นหมายความว่าทุก 100 บาทที่นักลงทุนลงทุนไปบริษัทสามารถนำเงินนั้นไปทำกำไรกลับมา 1 บาท
วิธีการคำนวณหา ROE
ROE = กำไรสุทธิ / ส่วนของผู้ถือหุ้น
ทำไม ROE ถึงสำคัญ
บริษัทที่ ROE เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นแปลว่าบริษัทสามารถในการบริหารและทำกำไรจากส่วนของผู้ถือหุ้นได้มากขึ้น แต่ในทางกลับกันถ้า ROE ลดลงก็บอกถึงการที่บริษัทอาจบริหารเงินลงทุนจากผู้ถือหุ้นได้ไม่ดีมากนัก
แต่ถ้าต้องทำความเข้าใจว่าถ้าส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง ROE นั้นจะเพิ่มขึ้นตามสูตร โดยอาจะเกิดขึ้นได้ในกรณีที่บริษัทมีหนี้สินมากเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นนั้นลดลง
บางอุสาหกรรมนั้นมีค่า ROE ค่อนข้างสูงเพราะประเภทของการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นการนำ ROE มาใช้เปรียบเทียบในการลงทุนนั้นก็จะเหมือนการใช้ ROA คือควรที่จะใช้เปรียบเทียบกับบริษัทที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกันหรืออยู่ในอุตสาหกรรม ถึงจะบอกได้ว่าบริษัทนั้นมีค่า ROE สูงหรือต่ำ
ROE Top 10
1. NFC ROE=97.29
2.ADVANCE ROE=81.11
3.INTUCH ROE=69.68
4.BIG ROE=64.44
5.PAF ROE=59.59
6.BEAUTY ROE=51.81
7.PREB ROE=49.80
8.CSL ROE=47.53
9.SMPC ROE=46.59
10.PERM ROE=44.18