โดย dave
เผยแพร่ : 
95 viewsเปิดคาดการณ์เงินปันผลประจำปี 66 10 หุ้นใหญ่ในดัชนี SETHD
Wealthy Thai ได้รวบรวมคาดการณ์เงินปันผลประจำปี 66 ของ 10 บริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุดในดัชนี SETHD (มาร์เก็ตแคป ณ วันที่ 13 มิ.ย.66) มาฝากนักลงทุน โดย SETHD คือ ดัชนีที่ใช้สะท้อนความเคลื่อนไหวราคาของกลุ่มหลักทรัพย์ 30 ตัว มีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง
มาเริ่มกันที่ PTT นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินผลประกอบการธุรกิจก๊าซของ PTT ไตรมาส 2/66 จะมีทิศทางดีขึ้นจากไตรมาสแรก หนุนจากการปรับตัวลงของต้นทุนก๊าซ, อัตราผลิตโรงแยกก๊าซสูงขึ้น, อุปสงค์เพิ่มขึ้นจากภาคการใช้ไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม กำไรธุรกิจโรงกลั่น – พลังงานต้นน้ำของบริษัทลูกที่อ่อนแอลง จะทำให้ภาพรวมกำไรไตรมาส 2/66 ทำได้เพียงประคองตัวจากไตรมาสแรก และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากฐานสูง โดยคาดปี 66 จ่ายเงินปันผล 1.90 บาท และคาดให้อัตราผลตอบแทนของเงินปันผลที่ 6.1% ให้คำแนะนำ TRADING ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท
ถัดมา ADVANC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2566-2567 ขึ้น 8% และ 9% ตามลำดับ เนื่องจากปรับสมมติฐานการรับรู้งบขาดทุน TTTBB เป็น 6 เดือนจาก 9 เดือน การปรับลดสมมติฐานค่าเสื่อมราคา และการปรับลดสมมติฐาน SG&A แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 240 บาท โดยคาดปี 66 จ่ายเงินปันผล 8.45 บาท และคาดให้อัตราผลตอบแทนของเงินปันผล 3.9%
ตามด้วย PTTEP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินทิศทางผลประกอบการไตรมาส 2/66 ไม่เด่น เบื้องต้นประเมินกำไรปกติ 1.6 – 1.7 หมื่นล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรก และช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงมองว่านัก ลงทุนสามารถเข้าเก็งกำไรรอบสั้นได้ คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 160.00 บาท ขณะที่คาดปี 66 จ่ายเงินปันผล 8.21 บาท และคาดให้อัตราผลตอบแทนของเงินปันผล 5.8%
มาต่อกันที่ SCC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ส่วนต่างราคาเคมีภัณฑ์จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมกับมีต้นทุนพลังงาน และวัตถุดิบที่ลดลง ที่จะคอยหนุนการเติบโตของกําไรไตรมาส 2/66 ได้ แต่ด้วยปัจจัยค้างคาเกี่ยวกับกําลังการผลิตใหม่ในปี 66 จึงมองว่า ธุรกิจจะฟื้นตัวดีกว่านี้ในช่วงปี 67 คงคําแนะนํา "ถือ" ราคาเป้าหมาย 341 บาท ขณะที่คาดปี 66 จ่ายเงินปันผล 14.27 บาท และคาดให้อัตราผลตอบแทนของเงินปันผล 4.3%
ขณะที่ BBL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มอง BBL เป็นธนาคารที่มีความแข็งแรงของพอร์ตสินเชื่ออยู่ในระดับสูง ทั้งในแง่ของฐานะการเงินลูกค้า และการตั้งสำรองที่สูงจนปัจจุบันมี Coverage Ratio ที่ 265.1% สูงสุดในกลุ่ม จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 190 บาท ขณะที่คาดปี 66 จ่ายเงินปันผล 5.60 บาท และคาดให้อัตราผลตอบแทนของเงินปันผล 3.5%
รวมทั้ง KTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีความเห็นว่า มอง KTB เป็นหนึ่งในธนาคารที่มีคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อดีและมีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่เห็นพัฒนาการของศักยภาพทำกำไรที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และ Valuation ยังอยู่ในระดับที่ไม่สูง ทำให้มีโอกาสปรับประมาณการขึ้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 21 บาท โดยคาดว่าปี 66 จ่ายปันผล 0.78 บาท และคาดให้อัตราผลตอบแทนของเงินปันผลที่ 4.2%
ต่อด้วย INTUCH นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 81 บาท แม้ชอบ INTUCH ในฐานะหุ้นปันผล 4% ต่อปี คิดเป็นผลตอบแทนสูงสุดในกลุ่มมือถือ แต่แนะนำเพียง รอซื้อเมื่ออ่อนตัวเพื่อรับปันผล โดยคาดครึ่งปีแรกของปี 66 จ่ายปันผล 1.3-1.4 บาท และคาดปี 66 จ่ายเงินปันผล 3 บาท โดยคาดให้อัตราผลตอบแทนของเงินปันผลที่ 3.86%
ด้าน CPF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองแนวโน้มไตรมาส 2/66 เบื้องต้นคาดจะยังมีผลประกอบการขาดทุน แต่ขาดทุนลดลงจากไตรมาส 1/66 เนื่องจากแนวโน้มราคาขายเฉลี่ยหมูในประเทศและเวียดนามเริ่มฟื้นตัว ขณะที่จีนได้ประโยชนจ์ากการบริโภคที่ดีขึ้นหลังเปิดประเทศ คงแนะนำ TRADING ราคาเป้าหมาย 20.50 บาท พร้อมกับคาดว่าปี 66 จ่ายปันผล 0.18 บาท โดยคาดให้อัตราผลตอบแทนของเงินปันผลที่ 0.9%
ส่วน TTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 1.7 บาท เพราะ คาด ROE ปี 66-68 ปรับระดับขึ้นอยู่ประมาณ 7-7.3% จากปี 65 ที่ 6.6% รวมทั้ง TTB มีความเข้มงวดในการบริหารคุณภาพสินทรัพย์
ดังนั้นผลกระทบเชิงลบเรื่องค่าใช้จ่ายสำรองจำกัด และการทำ Ecosystem play และ Efficiency improvement คาดว่าเห็นผลบวกต่อกำไรสุทธิในระยะกลางถึงยาว โดยคาดว่าปี 66 จ่ายปันผล 0.08 บาท และคาดให้อัตราผลตอบแทนของเงินปันผลที่ 5.64%
ปิดท้ายกันที่ LH นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า แนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 10.80 บาท โดยมองราคาหุ้นยังมีโอกาสลดลงในช่วงสั้นตามกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ไม่ดีนัก รวมถึงกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่คาดยังไม่เด่น จึงให้น้ำหนักครึ่งหลังปี 66 น่าสนในกว่าครึ่งปีแรก แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” โดยจุดเด่นของ LH มาจากคาดให้อัตราผลตอบแทนของเงินปันผลปี 66 ที่สูง 7.0% และคาดจ่ายเงินปันผล 0.65 บาท
