“ราคาน้ำตาล” โลกพุ่งแรง แตะระดับสูงสุดรอบ 11 ปี
เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ราคาน้ำตาลพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นประกอบกับแนวโน้มสภาพอากาศที่เลวร้ายลง นักวิเคราะห์กล่าวว่ายังมีช่องว่างสำหรับราคาที่จะพุ่งสูงขึ้นอีก
โดยสัญญาซื้อขายน้ำตาลทรายดิบในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น 24 เซนต์ต่อปอนด์ และแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี
Girish Chhimwal นักวิเคราะห์น้ำตาลของ S&P กล่าวว่า “ปัจจัยพื้นฐานของน้ำตาลค่อนข้างดีสำหรับราคาที่จะยังสูงขึ้นในระยะสั้นถึงระยะกลาง ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอาจส่งต่อไปยังผู้บริโภคในรูปของขนมที่มีราคาแพงขึ้น
ด้าน John Stansfield นักวิเคราะห์น้ำตาลอาวุโสจากแพลตฟอร์มข้อมูลสินค้าโภคภัณฑ์ DNEXT กล่าวว่าจะเห็นราคาที่เพิ่มขึ้นของขนมหวานและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ และราคาของอาหารแปรรูปกำลังเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก
“ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ฤดูหีบอ้อยในเอเชียเริ่มผ่อนคลายลง และได้เห็นการปรับลดการเพาะปลูกลงอย่างมากในประเทศผู้ผลิตที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอินเดีย ไทย จีน และปากีสถาน”
ทั้งนี้ในช่วงต้นเดือนเมษายน All India Sugar Trade Association ได้ปรับประมาณการการผลิตน้ำตาลลงเกือบ 3% สำหรับปีการเพาะปลูกตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 ถึงกันยายน 2566 สมาคมอ้างถึงปริมาณน้ำฝนที่ไม่เป็นไปตามฤดูกาลในรัฐมหาราษฏระ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของผลผลิตน้ำตาลของประเทศ
Stansfield เสริมว่าการผลิตที่ลดลงนั้นประกอบกับพืชหัวผักกาดยุโรปที่ย่ำแย่ ซึ่งเป็นผลมาจากพื้นที่เพาะปลูกที่ลดลงและภัยแล้งในฤดูร้อนที่รุนแรง รวมถึงอุปสงค์ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากช่วงโควิด โดยจากข้อมูลขององค์การน้ำตาลระหว่างประเทศ ประมาณ 80% ของการ ผลิตน้ำตาลทั่วโลกมาจากอ้อย ในขณะที่ 20% มาจากหัวบีท
ในขณะที่จีนอาจใช้ทุนสำรองของรัฐเพื่อลดแรงกดดันในตลาดโลก Girish Chhimwal เตือนว่ามีหลายปัจจัยที่สามารถผลักดันราคาให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตามความเสี่ยงจากปรากฏการณ์เอลนีโญต่อแนวโน้มการผลิตในเอเชียสามารถชดเชยได้ในระยะปานกลางและทำให้ราคาสูงขึ้นมาก”
จากข้อมูลของ National Oceanic and Atmospheric Administration มีโอกาส 62% ที่จะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณลมมรสุมในเอเชีย ตลาดน้ำตาลอาจผันผวนมาก และสภาพอากาศจะขับเคลื่อนในระยะกลาง
Matthew Biggin นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Fitch Solutions กล่าวว่า การเก็บเกี่ยวอ้อยในพื้นที่ภาคกลางตอนใต้ของบราซิล ซึ่งคิดเป็น 90% ของผลผลิตของประเทศ เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนถึงธันวาคม และผลผลิตอ้อยจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการติดตาม
แต่ราคาน้ำตาลสูงมากในขณะนี้ แม้ว่าราคาจะชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อผลผลิตของบราซิลออกสู่ตลาด แต่ราคาก็ยังถือว่าสูงขึ้นเหนือระดับในอดีต
อีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้ราคาสูงขึ้นคือการตัดสินใจที่น่าประหลาดใจของ OPEC เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่จะลดการผลิตน้ำมันลงประมาณ 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน Fitch Solutions รายงานเมื่อวันที่ 13 เมษายนว่าได้สนับสนุนให้มีการหันเหความสนใจจากอ้อยไปสู่การผลิตเอทานอลและห่างไกลจากแหล่งผลิตน้ำตาล
Chhimwal ระบุว่าเพิ่มเติมว่า เช่นเดียวกับราคาอาหารที่สูงขึ้น ประเทศที่ต่อสู้กับความไม่มั่นคงด้านอาหารในระดับสูงจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากราคาน้ำตาลที่พุ่งสูงขึ้น สิ่งนี้จะกระทบหนักเป็นพิเศษในประเทศแอฟริกาเหนือและซับซาฮาราในแอฟริกา ซึ่งมีความต้องการบริโภคน้ำตาลและนำเข้าสูง