ห้องเม่าปีกเหล็ก

รู้หรือไม่? ฝรั่งซื้อหุ้นไทย ตัวไหนเข้าพอร์ตมากที่สุด

โดย 98 Degree
เผยแพร่ :
120 views

รู้หรือไม่? ฝรั่งซื้อหุ้นไทย ตัวไหนเข้าพอร์ตมากที่สุด

ใกล้ช่วงสิ้นปีแบบนี้ มักจะมีแรงเทขายหุ้นก่อนจะเข้าลงทุนรอบใหม่ เพื่อส่งท้ายการลงทุนช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่ แล้วในภาวะวิกฤติ Covid-19 ที่ระบาดรอบสองพร้อมกันทั่วโลก ทำให้หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยเอง ยอดผู้ป่วยต่อวันทำนิวไฮ เมื่อเทียบกับช่วงเกิดวิกฤติกลางปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในแนวรับสำคัญที่ 1,400 จุด จังหวะทองที่ควรเข้าซื้อหุ้นช่วงดัชนีฯ ปรับลดลง มาดูกันว่าหุ้น SET50 ตัวไหนบ้างที่นักลงทุนต่างชาติโกยซื้อเข้าพอร์ตมากที่สุด ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) หรือในช่วงวันที่ 1 ม.ค.-22 ธ.ค.63


บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี จำกัด (มหาชน) รายงานว่า การถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ YTD พบว่า หุ้น 10 อันดับแรกที่นักลงทุนต่างชาติซื้อมากที่สุด ประกอบด้วย 1.AOT มูลค่า 10,790.2 ล้านบาท 2.BBL มูลค่า 9,854.8 ล้านบาท 3.BTS มูลค่า 6,106.0 ล้านบาท 4.KTC มูลค่า 5,186.0 ล้านบาท 5.BJC มูลค่า 5,060.7 ล้านบาท 6.VGI มูลค่า 3,569.3 ล้านบาท 7.BCPG มูลค่า 2,968.6 ล้านบาท 8.DTAC มูลค่า 2,130.4 ล้านบาท 9.TRUE มูลค่า 1,716.6 ล้านบาท และ 10.CBG มูลค่า 1,616.6 ล้านบาท


สำหรับความน่าสนใจของหุ้นอันดับหนึ่งอย่าง AOT สะท้อนภาพการลงทุนอย่างชัดเจนว่า ช่วงที่ตลาดลงเป็นโอกาสสำคัญในการเข้าซื้อหุ้นดีในราคาถูก โดยนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า ผลประกอบการของ AOT จะถึงจุดต่ำสุดในปี 2564 โดยประเมินว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,450 ล้านบาท ปรับลดลง -66.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) โดยผลประกอบการที่อ่อนแอลง 1.จะเป็นเพราะฐานกำไรที่สูงในปีนี้ (โดยเฉพาะผลกำไรสุทธิในไตรมาส 1/63 ที่สูงถึง 7,340 ล้านบาท แต่คาดว่าจะขาดทุนในไตรมาส 1/64


และ 2.จำนวนผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศ จะฟื้นตัวแข็งแกร่งในไตรมาส 4/64 และรายได้ลดลงจากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือของ AOT ทั้งนี้ถ้ามองภาพการลงทุน AOT ในระยะยาว นักวิเคราะห์ประเมินว่าผลการดำเนินงานโดยรวมของ AOT จะกลับมาแข็งแกร่งตามปกติได้ในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้

 

ยังต้องจับตาหุ้นสายการบิน

อย่างไรก็ตามแม้ว่า AOT จะมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีในระยะยาว แต่ในระยะสั้น (สำหรับนักลงทุนเก็งกำไร) บล.เอเซีย พลัส จำกัด ประเมินว่า ต้นทุนเฉลี่ยที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรอบล่าสุดอยู่ที่ 1,350 จุด ดังนั้นจึงต้องติดตามการควบคุมสถานการณ์ในช่วง 3-4 สัปดาห์หลังจากนี้ เพราะหากไม่สามารถควบคุมโรคได้จะส่งต่อทิศทางดัชนีและกำไรบริษัทจดทะเบียน 2564 โดยหุ้นที่เกี่ยวกับการเดินทางและการท่องเที่ยวทั่วโลกเมื่อวานที่ผ่านมา (21 ธ.ค.63) ปรับลดลง เช่น American Airline -2.5%, United Airline -1.5%, Delta Airline -1.3%, Royal Caribbean Cruise -0.7%, Marriott -1.2%,Hilton -0.6% หรือ NH Hotel -7.4% ขณะที่ AOT -4.23% โดยรวมยังเชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ประเด็น COVID-19 จะยังเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักและกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่เสมอ

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


98 Degree