ชาลี มังเกอร์ สหายรักข้างกายวอเร็น บัฟเฟตต์ ออกมาแสดงความเห็นว่า ตัวเขาเองไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการลงทุนสไตล์เบนจามิน เกรเฮม และไม่แนะนำสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ที่คิดอยากจะลอกเลียนแบบเกรเฮม
เบนจามิน เกรเฮม ผู้เขียนหนังสือ Security Analysis ร่วมมือกับเดวิด ดอดส์ ก่อนที่บัฟเฟตต์จะไปค้นเจอหนังสือในห้องสมุด และอ่านเพื่อเป็นแรงบันดายใจให้เขาตามหาอาจารย์เบนจามิน เกรเฮม ยอมติดตามและทำงานให้ฟรีโดยไม่เอาเงินเพื่อแลกกับความรู้ .. เบนจามิน เกรเฮมยังสอนให้บัฟเฟตต์ได้รู้ถึงวิถีทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า การค้นหาหุ้นก้นบุหรี่ หุ้นที่มันมีมูลค่า 1 ดอล์ล่าร์แต่เราสามารถซื้อมันได้ในราคา 50 เซนต์ ต่อมาก่อนเสียชีวิต เบนจามิน เกรเฮมยังได้เขียนหนังสือ The Intelligent Investor ว่าด้วยหลักการลงทุนเน้นคุณค่าที่วอเร็น บัฟเฟตต์ ยังยกย่องหนังสือเล่มนี้ว่าเป็นคัมภีร์การลงทุนที่นักลงทุนควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง (ในประเทศไทยมีการนำเข้ามาแปลเรียบร้อยแล้วครับ สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป)
"I don’t love Ben Graham and his ideas the way Warren does. " นี้เป็นคำพูดสั้นๆของชาลี มังเกอร์ที่บอกได้ว่าเขาไม่ชอบสไตล์การลงทุนของวอเร็น บัฟเฟตต์
"ผมไม่ชอบการลงทุนของเบน เกรเฮม หรือที่วอเร็น บัฟเฟตต์ทำอยู่ในอดีต ผมเข้าใจดีว่าแนวทางการลงทุนเป็นอย่างไร ในยุคเริ่มแรกของวอเร็น บัฟเฟตต์ เขาไม่รู้อะไรเลยว่าจะจับจุดทางการลงทุนอย่างไรจนกระทั่งมาเจอกับเบน เกรเฮมผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขาและคำสอนทางการลงทุนของเขาก็เปลี่ยนแปลงชีวิตของบัฟเฟตต์ไปตลอดกาลจากเด็กคนหนึ่งที่ดูไม่ค่อยจะมีอนาคต เรียนก็ไม่เก่ง แต่ต้องชื่นชมในความกระตือรือร้นของบัฟเฟตต์เองด้วยแหละที่พยายามอยู่ใกล้เบน เกรเฮมตลอดเวลา ... อย่างไรก็ตาม การลงทุนสไตล์เบน เกรเฮม ก็ยังมีเรื่องที่ต้องปรับปรุงมากมาย แนวคิดเน้นคุณค่าของเขามันเล่นกับความโลภและความกลัวจนเกินไป ผมมั่นใจได้ว่าถ้าเขาเจอวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ หรือวิกฤตอะไรก็ได้ในยุคปัจจุบัน เขาก็คงจะมีจิตใจกลัวจนไม่กล้าซื้อหุ้นอีกนั้นแหละ"
"ผมคิดว่าเบน เกรเฮม ยังเป็นนักลงทุนที่ยังห่างไกลคำว่าดีพอสมควร คอนเซปต์การซื้อหุ้นถูกๆ หุ้นก้นบุหรี่ที่หวังว่าคนที่สูบบุหรี่เหลือแต่ส่วนน้อยๆ เราจะเก็บขึ้นมาต่อๆกันแล้วสูบได้อีกปรื้ด สองปรื้ด มันเป็นความคิดที่ผิดจริงๆ อย่างน้อยที่สุดมันก็ไม่เหมาะกับยุคสมัยในปัจจุบัน ถ้าคุณคิดจะเลียนแบบเบน เกรเฮม ผมคิดว่าคุณไม่มีทางร่ำรวเป็นเศรษฐีพันล้านได้แน่นอน จริงๆแล้วผมคิดว่าเบน เกรเฮม เป็นนักเขียนที่ดี เป็นอาจารย์ที่ดี อย่างน้อยที่สุดเขาก็เป็นคนเรียบเรียงหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่าและเป็นผู้เปิดภาพให้นักลงทุนมองตัวหุ้นคือภาพของธุรกิจจริงๆ"
----------
ชาลี มังเกอร์ สอนให้วอเร็น บัฟเฟตต์ รู้ว่า เป็นเรื่องที่ดีกว่าที่เราจะซื้อธุรกิจที่ดีสุดยอดในราคาปานกลาง แทนที่จะซื้อธุรกิจปานกลางในราคาที่ดีสุดยอด”
คร่าวนี้เรามาขยายความกันบ้างครับว่าเพราะเหตุใดชาลี มังเกอร์ ถึงไม่ชอบหลักการลงทุนเน้นคุณค่าจากอาจารย์เบนจามิน เกรเฮม
แนวคิดของเกรเฮม คือการซื้อหุ้นถูกๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกคุณเลยคือ หุ้นที่ราคาถูกๆมักจะเป็นหุ้นที่มีปัญหา บางทีปัญหาเหล่านั้นอาจจะทำให้หุ้นมันถูกตลอดกาลและกลายเป็นบริษัทล้มละลายในเวลาต่อมา ถ้าให้ยกตัวอย่างสมมุติว่าตลาดหุ้นมีหุ้นอยู่ตัวหนึ่งให้มันชื่อว่า "เศรษฐกิจ" ถ้าเศรษฐกิจดีมันจะมีราคาแพงมาก คุณจำเป็นจะต้องรอให้เศรษฐกิจมันพังลงมา คุณถึงจะซื้อได้ และคุณเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่า คุณจำเป็นจะต้องซื้อๆขายๆวนเวียนอยู่กับคำว่าเศรษฐกิจดี เศรษฐกิจแย่ อยู่ตลอดเวลา ไม่ไปไหนสักที ไม่มีความก้าวหน้า
หลักการลงทุนเน้นคุณค่าสไตล์เบน เกรเฮม มีหลักการอยู่ 3 ข้อ คือ ช้อ1 คุณจะต้องหาบริษัทที่ราคาถูก ข้อ2 คุณจะต้องซื้อมันให้ถูกเวลา และขายให้ถูกเวลาด้วยเช่นกัน ข้อที่3 คือคุณต้องกลับไปทำข้อที่ 1 ใหม่ซึ่งระหว่างนั้นคุณจะต้องถือเงินสดเอาไว้เพื่อหาสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ และการถือเงินสดก็จะทำให้คุณพลาดหุ้นหลายเด้งไปอย่างน่าเสียดาย การลงทุนแบบเกรเฮมจะทำให้คุณเหนื่อย
แต่มันมีวิธีการลงทุนที่ง่ายกว่านั้นและไม่ได้ยุ่งยากแบบเบน เกรเฮมเลย คุณต้องมองหาการเติบโตของธุรกิจตัวนั้นๆ นักลงทุนผู้มุ่งมั่นแสวงหาการเติบโต ไม่ใช่แสวงหากุ้นบุหรี่ที่คนไม่เอาแล้ว การมองหาหุ้นเติบโตคุณจะต้องตระหนักอยู่ข้อเดียว คือ คุณต้องหามันให้ถูก ส่วนเรื่องการซื้อถูกเวลานั้นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใดเพราะไม่ช้าก็เร็ว มันก็จะขึ้นไปทำ New high อยู่เรื่อยๆในเรื่องของราคา
มีการถกเถียงกันอยู่บ่อยครั้งว่า "กลยุทธ์การซื้อแล้วถือ เป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลหรือไม่" มังเกอร์แสดงความเห็นว่า คำถามนี้เป็นคำถามที่ยังไม่สมบูรณ์เพราะกลยุทธ์ซื้อแล้วถือนั้นไม่ได้ระบุว่าเป็น"บริษัท"ไหน ถ้าเป็นบริษัทที่ดี มีความได้เปรียบทางการแข่งขันและคู่แข่งยากมากที่จะเข้ามาแข่งขันหรือที่เรียกว่า"คูเมืองแห่งความได้เปรียบ" หุ้นตัวนั้นก็เหมาะสมที่จะใช้กลยุทธ์ซื้อแล้วถือ แต่ถ้ามันลงเราก็สามารถซื้อเพิ่มได้เพราะเรามีความเชื่อมั่นว่าบริษัทนั้นดีจริงๆ "ในชีวิตหนึ่ง เราไม่จำเป็นต้องเลือกให้ถูกทุกตัว เพียงแค่คุณเลือกมันถูกตัวเพียงแค่ 2-3 ครั้ง และใส่เงินลงไปหนักๆ คุณก็เป็นเศรษฐีพันล้านได้ไม่ยาก" มังเกอร์กล่าวเสริม .. อย่างไรก็ตาม มังเกอร์ยังพูดอีกว่า "The bad news is that the first $100,000 is a bitch; the good news is that you only have to get rich once" (ข่าวร้ายของการหาเงิน 1 ล้านแรก คือ มันหายากมากๆ แต่ข่าวดี คือ คุณกำลังจะรวยแล้ว.)
เรียบเรียงเนื้อหาโดย SiTh LoRd PaCk
ขอบคุณ theconservativeincomeinvestor.com