บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) คาดรายได้ปี 61 โต 20 - 30 % จากปีนี้คาดโต 27% หลัง COD โครงการหนุมานอีก 260 MW ช่วงครึ่งหลังปี61 พร้อมเตรียมสรุปวิธีเก็บเงินหัวจ่ายรถยนต์ไฟฟ้าในต.ค.นี้ ก่อนขยาย 1,000 สถานีในปีหน้า ชี้จะเห็นโฉมหน้าพันธมิตรโรงงานแบตเตอรี่แสนล้านใน Q4/60 หลังดีลอยู่ 4 - 5 ราย ฟากดีลโรงไฟฟ้าในอาเซียนจะจบใน 1-2 ไตรมาสข้างหน้า ฝั่งโบรกฯ ชี้ธุรกิจเข้าสู่โหมดเติบโตตั้งแต่ไตรมาสนี้เป็นต้นไป ให้เป้าหมาย 43 บ.
*** คาดรายได้ปี 61 โต 20-30% หลัง COD อีก 260 MW - ขยายสถานีเติมไฟฟ้ารถยนต์ 1,000 แห่ง
นางออมสิน ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน(Opportunit Day) ว่าบริษัทคาดว่ารายได้ในปี 61จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 20-30% จากปีนี้ ที่มั่นใจว่าจะทำรายได้เติบโต 27% จากปีก่อนที่มีรายได้10,439.25 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะมีกำหนดการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเชิงพาณิชย์(COD)โครงการหนุมานในจังหวัดชัยภูมิ กำลังการผลิต 260เมกะวัตต์(MW) มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ภายในครึ่งปีหลังของปี 61 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตทั้งหมดมาอยู่ที่ 664 เมกะวัตต์ ภายในปี61
สำหรับโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้เครื่องหมายการค้า "EA Anywhere" บริษัทตั้งเป้าขยายสถานีทั่วประเทศครบ 1,000 สถานีภายในปี 61 โดยจะเข้าเจรจากับสถานีบริการน้ำมันอื่นๆเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่เข้าไปติดตั้งในปั๊มน้ำมันซัสโก้เพียงรายเดียวโดยคาดว่าในต.ค.นี้ จะได้ข้อสรุปวิธีเก็บเงินจากหัวจ่ายรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาจากเดิมที่ไม่มีการเก็บค่าบริการ โดยเบื้องต้นจะเป็นการแบ่งรายได้(Revenue Sharing) จากผู้ให้บริการเก็บค่าจอดรถ หรืออาจเก็บเงินผ่านบัตรเติมเงิน หรือตัดเงินผ่านแอพพลิเคชั่น
*** เตรียมสรุปพันธมิตรโรงงานแบตเตอรี่ Q4/60 นี้
นางออมสิน เปิดเผยถึงโครงการก่อตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในระยะที่ 2 กำลังการผลิต 49 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (GWh) งบลงทุน 9.8หมื่นล้านบาท บริษัทคาดว่าจะสามารถสรุปพันธมิตรร่วมทุนได้ภายในไตรมาส 4/60 จากปัจจุบันที่บริษัทเจรจาอยู่ทั้งหมด 4 - 5 ราย โดยบริษัทจะยังคงถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 51% อยู่ สำหรับแผนการดำเนินงานขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการหาที่ดินเพื่อก่อตั้งโรงงานในระยะที่ 1 มูลค่า 2 พันล้านบาทกำลังการผลิต 1 GWh ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างราว 16 - 18 เดือน และสามารถดำเนินการผลิตได้ภายในไตรมาส 1/62 เพื่อรองรับการใช้แบตเตอรี่ของโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน และมีแผนเปิดดำเนินการระยะที่ 2 มูลค่า 9.8 หมื่นล้านบาท กำลังผลิต 49 GWh ภายในปี 64 เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น
*** ตั้งเป้า ROE จากโรงไฟฟ้าอาเซียนไม่ต่ำกว่า 15%
นางออมสิน กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทมีแผนในการขยายโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไปยังประเทศอื่นๆเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปการเจรจาพันธมิตรในโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเมียนมา, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, มาเลเซีย ภายในอีก 1-2 ไตรมาสข้างหน้า ซึ่งการลงทุนโรงไฟฟ้าทุกแห่งจะมีการใช้แบตเตอรี่สำรองไฟฟ้าร่วมด้วย (Energy Storage)โดยบริษัทจะเข้าไปเจรจากับการไฟฟ้าของประเทศต่างๆเพื่อเข้าไปลงทุนในพื้นที่ที่ไม่สามารถก่อตั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้สายส่งขนาดใหญ่ได้ และจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่พื้นที่บริเวณใกล้เคียงเท่านั้น โดยตั้ง
เป้าผลตอบแทนจากการลงทุน (ROE) ไม่ต่ำกว่า 15%
*** มอง Q3- 4/60 เข้าสู่โหมดเติบโต เดินหน้าทำ All Time High
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เปิดเผยว่า ปัจจุบัน EA กลับมาอย่างร้อนแรง หลังบริษัทเริ่มให้ข้อมูลพัฒนาการของธุรกิจแบตเตอรี่ ซึ่งจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างในปลายปีนี้ ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าใน 1-2 ปีนี้ ก็จะเป็นฐานกำไรส่งให้ EPS growth ระดับ 26.5% CAGR (2559-2563) ได้ ทำให้การเทรดเก็งกำไรในกรอบ PEG 1.0x หรือ 33 - 42 บาท/ หุ้น จึงพอทำได้ระหว่าง 12 เดือนข้างหน้านี้ เรามองว่า EA เป็นหุ้นที่มีศักยภาพสูงในอนาคต ทำให้การซื้อขายจึงอาจมี Premium กว่าค่าเฉลี่ยปกติของกลุ่มที่ P/E 28 เท่า ได้
คาดกำไรปกติ Q3/60 จะผ่าน 1 พันลบ.ครั้งแรก ผลักดันจากการรับรู้กำไรจากโครงการพลังงานลมหาดกังหัน 126MW เต็มไตรมาสครั้งแรก ซึ่งเราคาดกำไรปกติ Q3/60 จะอยู่ที่ 1.15 พันลบ. ขยายตัว 20% QoQ และ 45% YoY แม้โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์รวม 278MW จะอยู่ในช่วง Lowseason แต่จากข้อมูลผลผลิตกระแสไฟฟ้าของโครงการลมดีเกินคาด จากกระแสที่ลมแรง พายุฝนเข้า ดันค่า CF เดือน มิ.ย. สูงกว่า 30% เทียบกับแผน23-25% ทำให้กำไรส่วนนี้จึงคาดจะเข้ามาชดเชยได้อย่างดี ก่อนเข้าสู่ High season ของโรงไฟฟ้าทั้ง 2 ประเภทในไตรมาส 4 ขณะที่ล่าสุด โครงการ
ลมหนุมาน 260MW ก็กลับมาพัฒนาแล้ว หลังความกังวลในเรื่องที่ดิน สปก. หมดไป บริษัทตั้งเป้า COD กลางปี 2561
*** เปิดตลาดอุปกรณ์กักเก็บพลังงานในอาเซียน ให้เป้า 43 บ.
บล.ธนชาต มอง EA เป็นหุ้นลงทุนในระยะยาวที่ดี ด้วยเป็นผู้เล่นรายแรกในตลาดโครงการอุปกรณ์กักเก็บพลังงาน (ES) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราจึงคาดว่าบริษัทฯ มีศักยภาพในการขยายตัวและสร้างกำไรทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน แม้ค่าใช้จ่ายลงทุนใหม่ และค่าใช้จ่ายของโครงการใหม่บางส่วนอาจส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรที่มีอยู่ แต่มองว่าไม่เป็นผลลบต่อบริษัทฯ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 43 บาท
ยังคงมองบวกต่อ EA ด้วยมีความมั่นใจมากขึ้นต่อโครงการอุปกรณ์กักเก็บพลังงาน (ES) มูลค่า 1 แสนลบ. (US$2.95bn) กำลังการผลิต50Gwh ซึ่งจะสามารถสร้างกำไรแบบ S-curve ได้ใน 3-5 ปีข้างหน้า นอกจากกลยุทธ์การขายอุปกรณ์กักเก็บพลังงานในรูปแบบของแพคเกจแล้ว(บทวิเคราะห์ “มูลค่าโครงการใหม่ – ES Part 1” วันที่ 16 มิ.ย.17) EA ยังประกาศเปิดตัวโครงการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ "EA Anywhere"เพื่อปูทางสำหรับโครงสร้างพื้นฐานหลักรองรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต โดย EA มีเป้าหมายที่จะเปิด 1,000 สถานี ภายในปี 2561-2562 เชื่อ ว่า
โครงการนี้จะทำกำไรได้สูงในระยะยาวโดยเฉพาะการใช้แบตเตอรี่เก็บไฟฟ้าของบริษัทฯ เองรองรับการพัฒนาของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า