1. เล่นหุ้นอย่างมีแบบแผน วางแผนการแบ่งเงินลงทุน มีเงินเท่าไร จะเล่นหุ้นหรือจะเก็บออมเท่าไร ศึกษาว่าหุ้นกลุ่มใด หุ้นตัวใดคือเป้าหมาย แบ่งเงินออกเป็น 5 ก้อน และเลือกหุ้นเป้าหมาย 5 ตัวในจำนวนเงินเท่า ๆ กัน ตัวใดขึ้น ปล่อยให้ขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่าไปขวางทางการได้เงิน ตัวใดทรง อาจจะขายทิ้งก็ได้ ตัวใดลงให้รีบขายทิ้งทันที เมื่อขายแล้วก็นำเงินไปหาเลือกซื้อหุ้นตัวอื่นแทน
2. เล่นหุ้นตามแนวโน้มตลาด หากวันใดหุ้นมีแนวโน้มที่ไม่ดี มีแนวโน้มจะตก จะไม่เล่น ถ้ามีหุ้นอยู่จะขาย ในทางกลับกัน ถ้าตลาดมีแนวโน้มที่สดใส ทิศทางของตลาดมีภาวะจะเดินหน้าได้ดี จึงค่อยขนเงินเข้าไปเล่น อย่าไปเล่นหุ้นตามภาวะแวดล้อมหรือภาวะแรงเชียร์ของคนรอบข้าง
3. แม้ขาดทุนก็ต้องขาย ถ้าซื้อแล้วหุ้นตก ไม่ขึ้นไปในทิศทางที่คาดคิดไว้ อย่ารอหวังหุ้นขึ้น ให้ขายทิ้งไปยอมขาดทุน ดีกว่าจะไปติดหุ้น ถ้าหากหุ้นมีแนวโน้มราคาตกไปเรื่อย ๆ การที่เราขายทิ้งไปตั้งแต่แรก จะทำให้ไม่ขาดทุนหรือเสียหายมากนัก แต่ถ้าทนถือไปเรื่อย ๆ ไม่สามารถตัดใจขายได้ อาจจะทำให้การขาดทุนมีเยอะขึ้น
4. ต้องสงบนิ่งเมื่อสงสัยทิศทางตลาด บางช่วง ทิศทางของตลาดจะเอาแน่เอานอนไม่ได้ หันหัวจับทิศจับทางอะไรไม่ถูกเลย นักลงทุนต่างรอดูท่าทีซึ่งกันและกัน รวมทั้งการดูหุ้นแบบรายตัว ถ้าหุ้นตัวใด มีอาการเริ่มส่อนิ่งเงียบ ห้ามเข้าไปเล่นเด็ดขาด ไม่ต้องรอรีบาวน์หรือนั่งคาดการณ์ว่าถึงจุดรับควรรับได้แล้ว ถอยห่างดีกว่า จะไม่เสียอะไรเลยแม้แต่น้อย
5. รอจังหวะอย่างชาญฉลาดและอดทน ถ้าเราหาโอกาสรอจับจังหวะหุ้นได้ มองรู้จังหวะเข้าออก เราเป็นต่อเขาแน่นอน แต่ปัญหาอยู่ที่ทำอย่างไร เราถึงจะค้นหา มองทิศทางของตลาดได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น ถ้าจะเล่นหุ้นให้ได้เงิน ได้กำไร จะต้องเล่นหุ้นช่วงขาขึ้นอย่างเดียว เลือกเล่นหุ้นตามจังหวะ คือสภาพตลาดดีซื้อ ตลาดแย่ขาย เข้าซื้อหุ้นก็ต่อเมื่อมองเห็นจังหวะหุ้นที่น่าจะมีรีบาวน์ โอกาสทำกำไรจะมีมากกว่าขาดทุน
6. เล่นหุ้นไม่เกิน 5 ตัว กำหนดจำนวนหุ้นที่จะเล่น ไม่ควรเกิน 5 ตัว เพราะจะได้ติดตามได้ง่าย และถ้าหากตลาดเกิดแพนนิคขึ้นมาจะได้ขายทัน เลือกซื้อหุ้นเอาแต่ตัวเด่น ๆ เลือกเฟ้นมาอย่างดี เอาแค่ 2-3 ตัวก็พอแล้ว คนที่เขาเล่นหุ่นแล้วร่ำรวยจากหุ้นจริง ๆ เขามีหุ้นอยู่ในพอร์ต 2-3 ตัวเท่านั้น ขออย่างมากไม่เกิน 5 ตัวนะครับ
7. กำไรขายช้า-ขาดทุนขายเร็ว คนส่วนใหญ่ พอมีกำไรแล้วรีบขาย แต่พอขาดทุน จะไม่ยอมขาย เก็บไว้จนการขาดทุนเพิ่มมากขึ้น ทนแบกหุ้นได้ตั้งนาน พอราคาดีดตัววิ่งมาใกล้กับราคาที่ติดก็รีบขายไป ดังนั้น เปลี่ยนใหม่ ถ้าหุ้นที่เลือกซื้อมีกำไร ปล่อยให้กำไรเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งแนวโน้มของทิศทางตลาดเริ่มจะตกลงมา จึงค่อยขาย แต่ถ้าหากขาดทุนหรือภาวะของตลาดเป็นชาลง ให้รีบขายทิ้งไป
8. อย่าทำกำไรให้เป็นขาดทุน เมื่อซื้อหุ้นแล้วมีกำไร เราอยากได้มันมาก ๆ ขึ้นไปอีก กำไรบางหนึ่งไม่พอ ขอ 2 บาท 3 บาท 4 บาทไปเรื่อย ๆ แต่พอหุ้นขึ้นไปจนเกิดอาการหักหัว แล้วยังไม่ขาย เกิดอาการเสียดาย จนในที่สุด กำไรที่ได้ ก็กลายเป็นลดน้อยลงไป จนกลายเป็นขาดทุนและติดหุ้นในที่สุด ดังนั้น เมื่อทำกำไรได้ในระดับที่ตั้งใจไว้ ถ้าเกิดอาการหักหัวลง ก็ต้องขายทำกำไร ณ จุดนั้นทันที
9. หุ้นซึม...ห้ามเล่น ในจังหวะที่ตลาดหุ้นซึมกับตลาดหุ้นที่ปรับตัวในทิศทางเป็นขาลง ห้ามเล่นเด็ดขาด เพราะจะเป็นการเสียเวลา หากว่าเห็นวอลุ่มเกิดขึ้นเพียงเบาบาง การนิ่งของตลาดหุ้น ควรต้องมาพิจารณาว่า เป็นการนิ่งเพื่อปรับฐานขึ้น หรือเป็นการนิ่งเพื่อลงต่อ กรณีแบบนี้ให้หยุดเลย อย่าได้เข้าไปเล่นหรือหาตัวหุ้นซื้อ ไม่ต้องใจกล้า ไม่ต้องทำตัวเป็นแนวหน้าเพราะในอดีตที่ผ่านมา แนวหน้าเขาตายกันหมดแล้ว
10. ซื้อหุ้นต่ำ...ขายหุ้นสูง นักเล่นหุ้นที่คิดว่า จะซื้อหุ้นได้ในราคาที่ต่ำสุด หรือจะขายหุ้นได้ในราคาที่สูงสุด ถือว่าเป็นการเพ้อเจ้อที่สุด จริง ๆ แล้วทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ คนที่อยากขายหุ้นในราคาที่สูงสุด จะยังคิดว่าจุดนั้นราคายังไม่สูง ตรงนี้ยังไม่สูง ยังไม่ขาย สุดท้ายหุ้นก็ตกลงมาจนขายไม่ได้กำไรเลย หรือการซื้อหุ้น ด้วยหวังรอรับซื้อของถูก แต่เมื่อหุ้นมีการเด้งกลับขึ้นไป ก็ไม่สามารถซื้อได้ จะเสียเวลาเล่นหุ้นและไม่สามารถทำรอบกับหุ้นได้
11. ลงทุนช่วงตลาดบูม เมื่อตลาดเริ่มปรับตัวเป็นขาขึ้น เรามักจะซื้อหุ้นไม่ทัน พอหุ้นขึ้นไปสัก 20 หรือ 50 จุดแล้ว ค่อยเข้าไปแย่งซื้อกัน ซึ่งตอนนั้น ราคาเริ่มจะสูงแล้ว และคนอื่นเขาเริ่มจะขายกันแล้ว ดังนั้น เราต้องก้าวเข้าไปตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อตลาดเริ่มมีแรงซื้อเข้ามา วอลุ่มเริ่มมีหนาเน่นขึ้น ให้แบ่งซื้อจำนวน 5 ตัว ถ้าเข้าผิดเช่น 3 ตัวขึ้น 2 ตัวลง ก็ขายตัวที่ลงทิ้งไป แล้วทำตามข้อ 8. ข้อ 5. และข้อ 6. หรือถ้าหากซื้อแล้วผิดจังหวะ ก็ขายทิ้งไปเลยทั้ง 5 ตัวก็ได้ การที่เราซื้อตั้งแต่เริ่มแรก จะทำให้ทำกำไรได้มากกว่าไปแห่ซื้อตามคนอื่นเมื่อราคาสูงแล้ว
12. อย่าใช้วิธีซื้อถัวเฉลี่ยหุ้นขาลงโดยเด็ดขาด ข้อนี้อาจจะไปขัดกับนักลงทุนหลายคน แต่กรณีที่ตลาดเป็นขาลงเต็มตัว ห้ามซื้อถัวเฉลี่ยเด็ดขาด เป็นการซื้อหุ้นที่ผิดหลักการโดยสิ้นเชิง ในจังหวะที่หุ้นทรุดตัว เราจะไม่สามารถมองได้ว่า จุดใดเป็นจุดต่ำที่สุด ถ้ซื้อเฉลี่ยและเงินในกระเป๋าหมด คราวนี้ก็ได้แต่นั่งภาวนาอย่างเดียวเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม การซื้อเฉลี่ย ควรจะทำเมื่อหุ้นเป็นขาขึ้นเท่านั้นไม่ผิดแน่
13. อย่านึกว่าหุ้นราคาถูกเมื่อซื้อ..อย่าคิดว่าราคาสูงเมื่อขาย ใครที่คิดว่าซื้อหุ้นได้ราคาต่ำแล้วคิดผิดครับ การขายก็เช่นกัน อย่าคิดว่าราคาที่ขายนั้นเป็นราคาที่สูงแล้ว หุ้นที่มีราคาต่ำแล้ว ก็ยังมีต่ำกว่าให้เราเห็นบ่อย ๆ ดังนั้น อย่าเข้าซื้อถ้าเพียงแค่คิดว่าราคามันต่ำแล้ว แต่ให้ซื้อ เมื่อคิดว่ามันมีโอกาสจะขยับปรับราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกัน อย่าขายถ้าเพียงคิดว่าราคาสูงแล้ว แต่ให้ขายเพื่อราคาสูงและเริ่มจะปรับตัวลดลงมา โดยดูแรงซื้อขายประกอบด้วย
14. ซื้อหุ้นที่มีสภาพคล่องเท่านั้น สภาพคล่องคือปริมาณการซื้อหุ้น แรงซื้อขายที่หนาแน่นถือว่ามีสภาพคล่อง แต่ถ้าหุ้นที่มีการซื้อขายหนาแน่นเป็นบางวัน บางวันวอลุ่มหาย ยังไม่เข้าข่ายหุ้นสภาพคล่องนะครับ การเข้าไปซื้อหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่อง เวลาที่ต้องการใช้เงิน จะขายก็ขายไม่ออก คนที่จะรับซื้อต่อก็ไม่มี การติดหุ้นที่ไม่มีวอลุ่มการซื้อขาย ติดแล้วอึดอัดนะครับ
15. เกาะติดหุ้นที่มีความผันผวนสูง หุ้นที่มีสภาพการเคลื่อนไหวที่ผันผวนสูง ย่อมมีกระแสข่าว มีอะไรซ่อนเร้นอยู่ภายใน มีการทำเกมส์ ถ้าเราเล่นหุ้นที่มีความผันผวนสูง จะต้องเกาะติดตามทุกสถานการณ์อย่าให้พลาดสายตา เนื่องจากหุ้นพวกนี้ เวลาขึ้นจะขึ้นเร็ว แต่เวลาตก จะตกมาแรงมาก
16. ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน เล่นหุ้นบนพื้นฐานการตัดสินใจของตัวเองเท่านั้นเป็นดีที่สุด ในตลาดหุ้นมีแต่เสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้น เราอย่าเชื่อใครเด็ดขาดนอกจากตัวเราเอง แม้กระทั่งมาร์เก็ตติ้งที่ใกล้ชิดที่เป็นที่ปรึกษาก็ตาม เพราะมาร์เก็ตติ้งก็ต้องพยายามทำวอลุ่มเหมือนกัน เราต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ต้องทำการบ้าน ต้องมองแก่นแท้ของหุ้นแล้วค่อยกระโดดเข้าไป หรือเรามองสถานการณ์ออก มองภาพรวมชัดเจนค่อยเข้าไป
17. ความผิดพลาดถือเป็นบทเรียน ต้องพิจารณาวิเคราะห์ความผิดพลาดของเราเสมอ อะไรคือดี อะไรคือแย่ เราจะต้องเป็นคนมองอะไรหลาย ๆ มุมแล้วเราจะปรับตัวเองได้ เมื่อปรับตัวเองได้ ความผิดพลาดทั้งหลายที่เกิดขึ้น ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ จนในที่สุดจะกลายเป็นจุดเด่นของเรา ตรงไหนเป็นจุดดีให้คงไว้ ตรงหนเป็นสิ่งที่ผิดพลาด ต้องพิจารณาวิเคราะห์สิ่งผิดพลาดที่ผ่านมาและมีการพิจารณาปรับปรุงครับ
18. ข่าวลือ ข่าวล่อ ข่าวหลอก ข่าวลวง ข่าวเหล่านี้เกิดขึ้นปะติดปะต่อกันในตลาดหุ้นทุกยุคทุกสมัย ข่าวเหล่านี้ จะถูกนำมาใช้เป็นกลยุทธ์ใช้ทำกำไรในตลาดหุ้น เราจะมองเห็นในเรื่องของตลาดหุ้น "เท็จคือจริง จริงคือเท็จ" ตลอด ดังนั้น เมื่อเราได้ยินข่าวมาแล้วควรจะต้องฟังหูไว้หู และใช้วิจารณญาณเฝ้าพิจารณา
19. อย่าเล่นหุ้นเกินตัว เข้าตลาดหุ้นห้ามกู้หนี้ยืมสินชาวบ้านมาเล่นเด็ดขาด แบบนี้ถือว่าเล่นเกินตัว หมดตัวกันมาแยะแล้ว ในบรรดาพวกจับสือมือเปล่า หรือพวกเล่นหุ้นแบบมาร์จิ้นก็เช่นกัน ซื้อเช้าขายเย็น ปลายตลาดถ้าหุ้นตก ต้องมอบตัว ถูกกินและขาดทุนในที่สุด เราต้องรู้จักการจัดสรรเงินที่มีอยู่ ถ้ามีเงินอยู่หนึ่งล้าน ไม่จำเป็นจะต้องเล่นทั้งหมดหนึ่งล้าน
20. อย่าเชื่อมั่นตัวเองมากเกินไป บางคนเข้าตลาดหุ้นแล้วคิดว่าตัวเองนั้นเป็นผู้วิเศษ มองการเล่นหุ้นเป็นเรื่องปอกกล้วยเข้าปาก มองอะไรก็คิดว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นหมด เวลาซื้อหุ้นก็ใส่เต็มที่ หากเราจะเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเอง ขอให้เชื่อในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ต้องทำตัวอวดเก่ง ต้องยอมรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ ของคนอื่นบ้าง รู้จักผ่อน รู้จักไหลตามกระแส
21. อย่าสับสนคล้อยตามคำแนะนำของโบรกเกอร์ ที่ผ่านมา การลงทุนในตลาดหุ้น นักเล่นหุ้นมักจะขาดทุนจากตลาดหุ้น เพราะว่าการชี้นำจากพวกโบรกเกอร์ทั้งหลาย โบรกเกอร์เขาทำหน้าที่ของเขา เพื่อที่จะสร้างรายได้ให้กับเขาเอง บางโบรกเกอร์ต้องหาหุ้นมาให้ลูกค้าเล่นเพื่อเป็นการสร้างรายได้ ส่วนใหญ่แล้วโบรกเกอร์มักพลิกลิ้นได้เสมอ เมื่อเหตุการณ์ต่าง ๆ พาไป
22. อย่าลงทุนเพราะเชื่อคำบอกของนักลงทุนคนอื่น การไว้วางใจนักลงทุนด้วยกัน ก็มีผลเสียอย่างที่ได้เรียนไว้หลาย ๆ ครั้งแล้ว อยู่ในตลาดหุ้นเชื่อคนอื่นมาก ๆ ก็ไม่ได้ เพราะเราจะไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน เขาคิดทำอะไร ในวงการหุ้นเวลาเขาจะปั่นหุ้นสร้างราคา บางทีบางครั้งจะส่งคนมานั่งตามห้องค้า แล้วสร้างกระแสกระจายข่าวในห้องค้า สร้างข่าวต่าง ๆ ออกมา หากใครเชื่อตามก็จะหลงเป็นเหยื่อพวกขบวนการนี้
23. อย่าซื้อหุ้นด้วยอารมณ์ การซื้อหุ้นด้วยอารมณ์อาจะทำให้เราสูญเสียได้มาก เพราะเราไม่สามารถพิจารณาอะไรได้ถ้วนถี่ บางคนที่ทำหุ้นปั่นหุ้น หากจะเรียกคนเข้ามาซื้อหุ้นตามเขา เขามักจะสร้างภาวะตลาด สร้างภาวะหุ้นให้ดูดี ให้คนเกิดอารมณ์ร่วมเล่นด้วย ถึงแม้ว่าหุ้นตัวนั้นจะเป็นหุ้นเน่าก็ตาม เมื่อเขาดึงดูดอารมณ์ของคนอื่นให้คล้อยตาม แห่ไปตามแนวทางที่เขาได้วางไว้แล้ว ก็จะเริ่มขายออกมา เราจะไม่ให้อารมณ์ของเราคล้อยตามไปอิงแอบกับคนใดคนหนึ่งให้เขาชักจูงเราไปง่าย ๆ
24. อย่าหวังเอาชนะกับเรื่องหุ้นมากเกินไป เราต้องเปิดใจและเปิดช่องทางแพ้เอาไว้ด้วย การเล่นหุ้นจะได้ราบรื่นและจะได้ไม่ต้องคิดอะไรมากหากทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เราหวังเอาไว้ บางคนเชื่อมั่นว่าเข้าตลาดหุ้นแล้วจะต้องมีกำไรลูกเดียว แต่พอขาดทุนแล้วไม่กล้าขายต้องกอดหุ้นเอาไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดมาก การที่เราจะแพ้กับตลาดนั้น "แพ้แบบว่าเจ็บน้อย ๆ ไม่ใช่เจ็บมาก" แล้วเราจะป้องกันตัวเองได้
25. น้ำขึ้นให้รีบตัก ภาวะของตลาดหุ้นในแต่ละปี มีไม่กี่รอบที่หุ้นจะวิ่งขึ้นเป็นภาวะของกระทิงเปลี่ยวที่ทำให้พวกเราเก็บเกี่ยวทำกำไรมาได้ ถ้าเรามองจังหวะจับทิศทางได้ถูก ในจังหวะอย่างนี้ เราเข้าไปเล่นด้วยคงมีกำไรออกมาแน่นอน ถ้าหากภาวะหุ้นเกิดอาการที่ดูสดใส ตลาดเป็นขาขึ้น เราต้องตามแห่เข้าไปพัวพันด้วยอย่าปล่อยให้โอกาสดี ๆ หลุดลอยไปเฉย ๆ ถ้าไม่กล้าให้แหย่เท้าเข้าไปข้างหนึ่งก่อน พอเห็นว่าถูกทางก้าวที่สองเดินตามมาได้เลย เวลาที่ตลาดปรับตัวขึ้นมา เราต้องตามให้ทัน อย่าได้เสียโอกาสทองเป็นเด็ดขาด
26. เฮไหนต้องเฮนั่น การเฮไหนเฮนั่น เป็นลักษณะของการเก็งกำไรล้วน ๆ ถ้าเราไม่เฮไหนเฮนั่น เราสวนกระแสตลาด มันคนละเรื่องกันครับ ถ้าเราไม่กล้าที่จะแห่เล่นตามกระแส เราจะกลายเป็นผู้ที่พลาดโอกาสอันดีไปครับ เราต้องกล้าแห่ตามไป แต่ต้องมีสตินะครับ และจะต้องแห่ตั้งแต่เริ่มต้นด้วย อย่าไปตามแห่ตอนช่วงที่ตลาดขึ้นไปจนใกล้จะถึงจุดหักหัวกลับลงมาแล้ว และถ้าหากคนอื่นเขาเล่นทางลง เราก็ต้องเล่นทางลงด้วยเช่นกัน