ปัญหาของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

ดูเหมือนว่าปัญหารัสเซียยูเครน จะไม่ได้กระทบกับเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างเดียว
แต่ยังกระทบกับเรื่องของ "ราคาบ้าน" โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเจอกับปัญหาอย่างต่อเนื่อง

ถามว่า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เจอกับปัญหาอะไรบ้าง
ตอนนี้สิ่งที่พอจะคาดเดาได้มีปัญหาอยู่ 2 อย่างด้วยกัน คือ
1. ปัญหาเหล็กที่สูงขึ้น
2. ปัญหาของการขาดแคลนแรงงาน
3. ปัญหาราคาน้ำมัน

เรามาดูกับปัญหาทีละข้อกันครับ ...

1. วิกฤตรัสเซีย - ยูเครน ทำให้ราคาเหล็กดลกสูงขึ้น
แน่นอนว่าการเพิ่มขึ้นของราคาเหล็ก ส่งผลต่อ "ต้นทุน" การก่อสร้างที่สูงขึ้น
โดยที่ผ่านมาราคาเหล็กเพิ่มขึ้นราวๆ 13% เนื่องจากความกังวลว่าเหล็กจะขาดแคลนจากการที่รัสเซียเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก และมูลค่าการส่งออกสูงถึง 12% ของการส่งออกทั้งหมดของโลก

ถึงแม้ว่าประเทศไทยอาจจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากราคาเหล็กโลกสูงขึ้น
แต่สำหรับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ย่อมกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ...

2. การขาดแคลนแรงงาน
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน วิเคราะห์ว่าผลกระทบของ COVID-19 จะทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน และการไม่มีแรงงานต่างด้าว ผลกระทบคือความล่าช้าในการเสร็จสิ้นโครงการ กระทบต่อรายได้ของบริษัทที่ต้องเลื่อนออกไป
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าสถานการณ์นี้เป็นเรื่องชั่วคราว และจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เนื่องจาก COVID-19 จะถือเป็นโรคประจำถิ่นตั้งแต่เดือนกรกฏาคม และรัฐบาลมีแผนอนุญาตให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานมากขึ้น

3. ปัญหาราคาน้ำมันแพง
บทวิเคราะห์มองว่า ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นกระทบต่อต้นทุนค่าก่อสร้างบ้านด้วยเหมือนกัน โดยจะกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 2% หากวิกฤตรัสเซีย - ยูเครนจบลงภายใน 2 เดือน
แต่ถ้าใช้เวลานานกว่านั้น อาจจะกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นมากกว่าที่บทวิเคราะห์ประเมินไว้ ...

โดยภาพรวมแล้ว กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ "ควบคุมได้" ยังไม่ได้น่ากังวลอะไรมากนัก
และทั้งปี 2565 กลุ่มอสังหาจะอยู่ในธีมของการฟื้นตัว