สิ่่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่สวยหรู แต่กินไม่ได้!

จากการรณรงค์สภาวะโลกร้อนในปี ค.ศ 2007 ของอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Al Gore ( สมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Bill Clinton ) โดยเขียนหนังสือชื่อ " เรื่องจริงช็อคโลก ( An Inconvenient Truth ) " จนกระทั่งพัฒนาการมาเป็น " ข้อตกลงปารีส ( Paris Agreement ) " เมื่อปี ค.ศ 2015

เพื่อให้บรรลุผลการแก้ปัญหาโลกร้อนตาม " ข้อตกลงปารีส ( Paris Agreement ) " ดังกล่าวข้างต้น เมื่อเร็วๆนี้ ประธานาธิบดี Emmanuel Macron ของฝรั่งเศษฯได้ประกาศขึ้นภาษีนํ้ามัน และผลที่ตามมาก็คือ " ผู้ประท้วง เสื้อกั๊กเหลือง " ที่ออกมาเดินขบวนต่อต้านกันอย่างขนานใหญ่ โดยให้เหตุผลว่าเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนชาวฝรั่งเศษส่วนใหญ่ที่ยังมีรายได้ตํ่าอยู่

เหตุการณ์บานปลายและรุนแรงจนกระทั่งประธานาธิบดี Emmanuel Macron ต้องเดินทางกลับจากการประชุม G20  ที่ประเทศอาร์เจนตินาอย่างกระทันหัน เพื่อมายุติปัญหานี้ และในที่สุดเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายใหญ่โต  ประธานาธานธิบดี Emmanuel Macron ต้องระงับการปรับขึ้นภาษีนํ้ามัน และรับปากประชาชนว่าจะขึ้นค่าแรงขั้นตํ่าให้ด้วย เหตุการณ์จึงได้คลี่คลายลงไปได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่สงบดีอยู่ดี ด้วยเหตุที่ผู้ประท้วงกลุ่มน้อยส่วนหนึ่งยังออกมาชุมนุมอยู่ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการประท้วงครั้งล่าสุดนี้ ถึงขั้นเรียกร้องให้ประธานาธิบดี Emmanuel Macron ลาออกจากตําแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศษฯเลยทีเดียว

ข้ามฝั่งมาที่สหรัฐอเมริกาในเรื่องเดียวกันนี้  ประธานาธิบดี Donald Trump ได้ถอนตัวออกจาก Paris Agreement แล้วหันไปส่งเสริมการทําเหมืองถ่านหินในสหรัฐอเมริกา ( หลังจากประธานาธิบดี Barack Obama ไม่ส่งเสริมและกิจการเหมืองถ่านหินได้ถูกปิดไปเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ เนื่องจากขัดกับหลักการโลกร้อนของ Al Gore ) โดยประธานาธิบดี Donald Trump ให้เหตุผลว่า " สิ่งแวดล้วมเป็นสิ่งที่สวยหรู แต่กินไม่ได้! " เพราะท่านฯต้องการให้ชาวสหรัฐอเมริกามีงานทํา และสหรัฐอเมริกามีเศรษฐกิจที่ดีก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆว่ากันทีหลัง

ทางด้านกระทรวงพลังงานฯของประเทศไทยที่กําลังจะออกแผน PDP 2018 บอกว่า " จะนําเข้าก๊าซ NLG จากต่างประเทศราคาถูกๆ ( 4.23 บาท ต่อ หน่วย ) แทนการนําเข้าถ่านหินราคาแพงๆ ( 2.65 บาท ต่อ หน่วย ) มาปั่นไฟฟ้าให้พี่น้องประชาชนชาวไทยได้ใช้กัน " ส่วนปัญหาก็คือ " พูดนั้นก็พูดได้ แต่มันจะเป็นไปได้หรือคร๊าบ พี่น้อง! เพราะส่วนต่าง 4.23 - 2.65 = 1.58 บาท ต่อ หน่วย ยังไงๆก็ต้องไปเรียกเก็บจากพี่น้องประชาชนอยู่ดี ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปแบบการเพิ่มค่าไฟฟ้า หรือ เพิ่มภาษีของประชาชนมาชดเชย "

หมายเหตุ : 1) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง ( จากปัจจัยขับเคลื่อนและผลักดันโดยประธานาธิบดี Donald Trump ), ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ ( จากปัจจัยขับเคลื่อนและผลักดันโดยนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ) และ สภาวะตลาดหมี ( จากปัจจัยขับเคลื่อนและผลักดันโดยวัฏจักรเศรษฐกิจขาลงรอบใหญ่วิเคราะห์โดย Ray Dalio  ) ใน  longtunbysak.blogspot.com