จากการที่ผู้โพสต์ได้โพสต์ลงใน Webboard นี้หลายครั้งหลายหนแล้วว่าวอเร็น บัฟเฟตต์มีความสามารถพิเศษในหลีกเลี่ยงการตกตํ่าของตลาดหุ้นครั้งใหญ่ได้ถึง 2 ครั้ง ได้แก่ :
1) การตกตํ่าครั้งใหญ่ที่มีสาเหตุมาจากวิกฤตการณ์พลังงานครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ 1973
2) การตกตํ่าครั้งใหญ่ในเหตุการณ์วันจันทร์ทมิฬซึ่งมีสาเหตุมาจากการผิดนัดชําระหนี้ของประเทศในแถบลาตินอเมริกาต่อธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ 1987
กลยุทธการลงทุนของ วอเร็น บัฟเฟตต์ในขณะนั้นก็คือ " การทํา Short Against Port " นั่นเอง โดยการล้างพอร์ตออกไปทั้งหมด แล้วถือเงินสดและรอให้ตลาดหุ้นตกลงมาตํ่าแบบสุดๆแล้วจึงทําการเข้าซื้อหุ้นในราคาถูก หรือ ราคาที่ เบนจามิน เกรแฮม เรียกว่ามี " Margin of Safety " ซึ่งวอเร็น บัฟเฟตต์ก็ประสบผลสําเร็จในการเข้าซื้อหุ้น Washington Post ในปี ค.ศ 1973 ที่ราคาถูกสุดๆ และ ซื้อหุ้น Coca Cola ในปี ค.ศ 1987 ที่ราคาถูกสุดๆเช่นเดียวกัน
ในวิกฤติเศรษฐกิจครั้งต่อมาในปี ค.ศ 2000 คือ ฟองสบู่ดอดคอม พอร์ตของวอเร็น บัฟเฟตต์ไม่ได้รับผลกระทบเพราะวอเร็น บัฟเฟตต์ไม่ได้ลงทุนในบริษัทดอดคอมในขณะนั้น
ส่วนในวิกฤติเศรษฐกิจครั้งล่าสุดคือวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ซึ่งตลาดหุ้นดาวโจนส์ลดลงประมาณ 50% และ พอรต์ของวอเร็น บัฟเฟตต์ก็ได้ลดลงประมาณ 50% ด้วยเช่นเดียวกันเพราะวอเร็น บัฟเฟตต์ไม่ได้ขายหุ้นออกไป หรือ ทํา Short Against Port เช่นเดียวกับคราวก่อนๆ อย่างไรก็ตามพอร์ตของวอเร็น บัฟเฟฟต์ได้กลับเข้าสู่สภาพปรกติและเพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งหนึ่ง หลังจากผ่านวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์มาแล้วหลายปีจนกระทั่งถึงปัจจุบัน เพราะ ดาวโจนส์ได้ปรับตัวขึ้นทําจุดสูงสุดตลอดกาลหลายครั้งหลายหนในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
ในช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในปี ค.ศ 2008 นั้น John Paulson, Jim Rogers และ Ray Dalio คือ ผู้ที่ได้ผลตอบแทนที่ดี เพราะ เล่นขาลงหรือขายชอร์ต ดังนี้ :
1) John Paulson ได้กําไร 15,000 ล้าน USD ในการขายชอร์ต Subprime Assets และ ในจํานวน 15,000 ล้าน USD นั้น เป็นกําไรของ John Paulson 3,000 - 4,000 ล้าน USD และ ถือว่าเป็นการขายชอร์ต หรือ เล่น Derivatives ขาลงที่ได้กําไรมากที่สุดในโลก
2) Jim Rogers ขายชอร์ตหุ้นของบริษัทที่ทําธุรกิจการเงินที่กําลังจะล้มละลาย
3) Ray Dalio ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้บริหาร Bridgewater Associates ซึ่งเป็นกองทุน Hedge Fund ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ขายชอร์ตเช่นเดียวกันและได้ผลตอบแทนประมาณ 12% ในขณะที่กองทุนอื่นๆส่วนใหญ่ทั่วโลกติดลบประมาณ 40%
หมายเหตุ : โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com