ห้องเม่าปีกเหล็ก

สิ้นลาย " โอสถสภา "

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
65 views

บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ได้รับเสียงเชียร์อย่างท่วมท้น ในฐานะหุ้นตัวใหญ่ที่สุดที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นปีนี้ และเป็นกิจการที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี แต่เข้ามาซื้อขายได้ 2 วัน ทำท่าจะถอดลาย ราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่อง จนเมื่อวัน 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งราคาหวิดจะหลุดราคาจอง

โอสถสภา ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ เจ้าของเครื่องดื่มบำรุงกำลัง M-150 , ลิโพ เครื่องดื่มเกลือแร่และกาแฟพร้อมดื่ม ซึ่งกลุ่มโอสถานุเคราะห์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ นำหุ้นจำนวน 603 ล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนทั่วไปในราคา 25 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุด หลังจากก่อนหน้ากำหนดช่วงราคาเสนอขายระหว่าง 22-25 บาท

ความต้องการของนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้น OSP จำนวนมาก นำไปสู่การเสนอขายที่ราคาสูงสุด 25 บาท และ เป็นราคาที่อาจจะเต็มกลืน สูงจนอาจเต็มมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน และแทบไม่มีช่องว่างที่นักลงทุนจะทำกำไร

อาการหุ้น OSP ส่งสัญญาณไม่ดีตั้งแต่วันแรกที่เข้าซื้อขาย เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม โดยเปิดการซื้อขายที่ราคา 30 บาท สูงกว่าจอง 5 บาทหรือสูงกว่าราคาจอง 20% และเป็นราคาสูงสุดของวันนั้น ก่อนจะอ่อนตัวลง จนต่ำสุดที่ 27 บาท และปิดการซื้อขายที่ 27.25 บาท สูงกว่าราคาจอง 2.25 บาท หรือสูงกว่าจอง 9%

แม้บรรยากาศการซื้อขายจะคึกคัก เคาะซื้อเคาะขายกันสนั่น 14,129.30 ล้านบาท แต่ราคากลับไม่ร้อนแรงอย่างที่นักลงทุนคิด และนักเก็งกำไรที่แห่เข้าไปลุยหุ้น OSP ส่วนใหญ่จะเจ็บเนื้อเจ็บตัว เพราะราคาหุ้นเปิดสูงปิดต่ำ ใครเข้าไปเล่นขาดทุนโดยถ้วนหน้า

ส่วนการซื้อขายวันที่สอง สถานการณ์ไม่แตกต่างจากวันแรก โดยเปิดที่ราคา 27 บาท และเป็นราคาสูงสุดของวัน ก่อนจะถอยลงมา และปิดต่ำสุดที่ 25.50 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือลดลง 6.42 %

กันชนระหว่างราคาจองกับราคาที่ซื้อขายเหลือน้อยเต็มที่ เพราะราคาบนกระดานทรุดลงเหลือเพียง 25.50 บาท เหนือกว่าราคาจองเพียง 50 สตางค์ และมีแนวโน้มที่จะหลุดจอง ทั้งที่เข้ามาซื้อขายได้ไม่กี่วัน

ราคาหุ้น OSP ที่ซึมลงจนหวิดจะหลุดจองนั้น จะอ้างภาวะตลาดหุ้นไม่เป็นใจคงไม่ได้

เพราะวันแรกที่เข้า บรรยากาศการลงทุนเอื้ออำนวยเสียด้วยซ้ำ และแม้วันที่สอง ดัชนีราคาหุ้น ตลาดหลักทรัพย์จะปรับฐานลง แต่ไม่ได้รุนแรงนัก ลงเพียง 12 จุด ไม่ได้ร่วงถล่มทลาย 40-50 จุดที่ใครจะนำมาแก้ตัวได้

สาเหตุที่ราคาหุ้น โอสถสภา  เป็นที่น่าผิดหวัง น่าจะเป็นผลจากราคาที่เสนอขายนักลงทุนทั่วไปมากกว่า โดยถือโอกาสที่นักลงทุนแสดงความสนใจจองซื้อล้น กำหนดราคาสูงจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้นักลงทุนที่จองซื้อทำกำไร เมื่อเข้ามาซื้อขาย ราคาจึงสะท้อนกับปัจจัยพื้นฐานที่เป็นจริง โดยนักลงทุนไม่ได้ประเมินราคาจากความคาดหวังผลประกอบการในอนาคต ซึ่งถูกสร้างภาพไว้อย่างสวยหรู

และผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ ซึ่งประกาศก่อนหุ้นจะเข้าซื้อขายเพียงวันเดียว ตัวเลขผลกำไรก็ไม่ดีนัก โดยมีกำไรสุทธิ 1,471.9 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,795.4 ล้านบาท โดยกำไรที่ลดลง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในแนวโน้มผลประกอบการของ โอสถสภา จนนักเก็งกำไรไม่กล้าไล่ราคาหุ้น

หุ้น โอสถสภา ที่ถูกโหมกระพือข่าวว่า น่าจะเป็นหุ้นชั้นดี ซึ่งจะช่วยปลุกกระแสหุ้นใหม่ที่ซบเซาเกือบทั้งปี แต่เมื่อเข้ามาซื้อขายจริง กลับแทบเอาตัวไม่รอด และตอกย้ำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุนในหุ้นใหม่ โดยอย่ามองโลกสวยเกินไป

เพราะปีนี้หุ้นน้องใหม่ ทำให้นักลงทุนหมดกระเป๋าไปแล้วหลายตัว ซึ่งอาจจะรวมถึงหุ้น OSP ที่ส่ออาการจะต่ำกว่าจองอีกตัวด้วย

บริษัทขนาดใหญ่มีประวัติก่อตั้งมานาน ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ ยอดขายปีละหลายหมื่นล้านบาท มีผลประกอบการที่ดี ไม่ใช่ใบรับประกันว่า เมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะต้องเป็นหุ้นที่ดีเสมอไป

หุ้นจะดีหรือไม่ หุ้นที่ดูน่าจะดี แต่ถ้ากำหนดราคาสูงเกินไป เป็นราคาที่เต็มกลืนสำหรับการทำกำไร อาจกลายเป็นหุ้นไม่ดีไปก็ได้

OSP ตั้งราคาเสนอขาย 25 บาท บนค่า พี/อี เรโช ประมาณ 32 เท่า แพงไปหรือไม่ ราคาหุ้นบนกระดานกำลังเป็นตัวฟ้อง ส่วนจะอ้างว่า หุ้นตัวนี้อนาคตดี และต้องซื้อกันด้วยอนาคต ใคร ๆ ก็อ้างได้ทั้งนั้นแหละ

หมายเหตุ 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ใน MGR Online เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 และ ปัจจุบันตํ่ากว่าราคาจองแล้วที่ราคา 24.00 บาท ณ.เวลา 4.24 P.M. และ ปิดที่ 23.70 บาท ในวันนี้ วันที่ 22 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 

                 2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com


ศักดิ์