ห้องเม่าปีกเหล็ก

ถอดรหัสความคิดพิชิตการลงทุนในหุ้น

โดย FahsaiME
เผยแพร่ :
121 views

ถ้าเราจะเริ่มต้นเล่นหุ้น คุณคิดว่าอะไรเป็นสิ่งแรกที่ต้องรู้ เมื่อลองพิมพ์ค้นหาคำว่า “วิธีเริ่มต้นเล่นหุ้น” ก็จะเจอบทความที่เกี่ยวกับทริคและวิธีการเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่แนะนำว่าสิ่งที่เราควรรู้ก็คือ การเปิดบัญชีหุ้น, วิธีการซื้อขาย, เข้าใจความเสี่ยงและผลตอบแทน, ประเภทของนักลงทุนและเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อหลักเลยก็คือ Mindset การลงทุน

 

เราลองมาฟังเรื่องราวของนักลงทุนท่านหนึ่งที่ทำอาชีพถึง 4 อย่าง ซึ่งมีจุดเริ่มต้นเส้นทางชีวิตจากการเปิดร้านอาหารและทำงานแบงค์ที่ได้รับโอกาสจากครอบครัวและอาชีพนักลงทุนและนักเขียนที่เริ่มต้นจากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง คุณจะได้สัมผัสมุมมองแบบนักธุรกิจที่นำการตลาดมาประยุกต์ใช้กับการเล่นหุ้น และเคล็ดลับความสำเร็จที่เรียกได้ว่าทำให้เข้าใจการลงทุนและเป็นผู้ตื่นรู้ในการเล่นหุ้น

 

สิ่งที่เขาเน้นย้ำในเรื่องของความสำเร็จ คือการใช้กฎของความสำเร็จที่ถูกคิดค้นมาแล้วเป็นพันๆปี นั้นก็คือ “อิทธิบาท 4” มาเป็นแก่นสำหรับใครก็ตามที่อยากจะลงทุน จากประสบการณ์กว่า 10 ปีที่คลุกคลีอยู่ในวงการการลงทุน เขาพบว่าการลงทุนไม่ใช่งานที่ง่ายนะ ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องมีอิทธิบาท 4 ก่อน

 

  1. ฉันทะ การรักในสิ่งที่ทำ ใครไม่ชอบในงานที่ทำ ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ
  2. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น ต้องมีความอดทน ในโลกไม่มี Overnight Success
  3. จิตตะ ความเอาใจใส่ ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Passion ต้องมีความหลงใหลและเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ
  4. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น คือมุ่งสู่ความรู้จริงในสิ่งนั้น

 

เมื่อคุณมีอิทธิบาท 4 แล้ว วิธีการหาเงินจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ Work for money และ Money work for you ซึ่งนักลงทุนจะทำอย่างหลังมากกว่า โดยหลักการสำคัญของการวางเงินให้ทำงานก็คืออักษร 4 ตัวนี้ CVRR เพราะมันคือแก่นของความคิดเกี่ยวกับทุกสิ่งที่สะท้อนราคาและราคาก็จะสะท้อนผลตอบแทน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ความมั่งคงของแต่ละบุคคล

 

 

 

เริ่มจากตัวแรก “C” คือ Cycle นักลงทุนที่ไม่รู้จักคำว่า Cycle บอกคำเดียวว่ารวยยาก เราต้องมองภาพใหญ่ให้ออกว่าอยู่ในขาขึ้นหรือขาลงและมองลงมาที่ Asset หรือสินทรัพย์ (อะไรก็ตามที่มีมูลค่า เช่น หุ้น ทอง บ้าน ที่ดิน) ที่คุณจะไปลงทุนว่ามันอยู่ในช่วงไหน อย่างการขึ้นลงหุ้นก็เกิดจาก Demand & Supply ของอารมณ์นักลงทุนในตลาด ซึ่งถูกสะท้อนออกมาเป็น “ราคา” นั่นเอง หากเรานับรอบ Cycle ของ Asset ได้ นี้แหละจะเป็นหัวใจของความมั่งคั่ง

 

การดู Cycle ก็เหมือนกับการหาแนวโน้ม เครื่องมือที่ใช้ในการหาแนวโน้มก็คือ Technical Analysis ซึ่งเป็นศาสตร์ทางสถิติและความน่าจะเป็นโดยนำข้อมูลในอดีตมาคาดการณ์อนาคต กฎสำคัญที่ทำให้มีกำไรจากเครื่องมือนี้ คือคุณต้องรู้จักจำกัดความเสี่ยงโดยการ Cut Loss และเมื่ออยู่ในเทรนด์ขาขึ้นต้อง Let Profit Run

 

มาดูตัวที่สอง “V” คือ Value ตัวนี้ต้องใช้เทคนิคหน่อย มันคือการศึกษา Fundamental (การวิเคราะห์หุ้นโดยดูพื้นฐานและมูลค่าที่แท้จริงของกิจการ) อย่างหุ้นก็ต้องเอามาคำนวณ เช่น P/E P/BV Dividend Yield แล้วเอาไปเปรียบเทียบกับ Benchmark (เกณฑ์มาตรฐาน) ของธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน ทำให้รู้ได้ว่าหุ้นตัวนี้มีมูลค่าถูกหรือแพง แต่เท่านั้นยังไม่พอคุณต้องมองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจให้ชัด ตรงนี้เองที่ต้องใช้ประสบการณ์และวิสัยทัศน์ และหากคุณเข้าใจธุรกิจอย่างถ่องแท้มันจะทำให้คุณแตกต่างจากนักลงทุนทั่วไป เพราะการคำนวณเพียงตัวเลขที่ใช้ข้อมูลจากอดีตไม่ได้สะท้อนอนาคตทั้งหมด

 

สิ่งที่เราตามหาก็คือ สินทรัพย์หรือหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ซึ่งส่วนใหญ่จะสะท้อนผลลัพธ์ในอนาคต นั้นแปลว่าคุณต้องใช้ระยะเวลานานในการลงทุน แต่วิธีนี้ก็เป็นเคล็ดวิชาสร้างเครื่องมือผลิตเงิน โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเหนื่อยแบบ Real Time คล้ายกับการฝากเงินในธนาคารแต่เปลี่ยนไปฝากในหุ้นแทน

 

ตัวที่สาม “R” คือ Risk หรือความเสี่ยง คุณคิดว่าอะไรคือความเสี่ยง วิธีในการลดความความเสี่ยงคือคุณต้องเข้าใจว่าสามารถยอมรับการขาดทุนได้เท่าไรหากมันเกิดขึ้น เมื่อลงมาเป็นผู้เล่นในตลาดสิ่งที่ต้องเจอคือความผันผวนของราคา ถ้าคุณไม่แน่พอ ไม่รู้จักตัวเองดีพอ จะทำให้เกิดอาการ “ขายหมู” ซื้อแพงขายถูกเพราะกลัวตกรถ ซื้อตอนราคาแพง Cycle มันก็ขึ้นสูงแล้ว พอมีขึ้นก็ต้องมีลง แล้วคุณขายตอนไหน ขายตอนมันลง อย่างนี้ไม่รวยแน่ สิ่งที่คุณต้องทำคือคือซื้อถูกขายแพง หุ้นมันจะถูกก็ตอนที่ทุกคนขายเยอะและแพงตอนทุกคนซื้อเยอะ เราสามารถใช้การวิเคราะห์ Technical ที่เรียกว่า RSI เข้ามาดูตรงนี้ได้ ก็แค่เข้าซื้อตอนOversold แล้วขายที่ Overbought

 

ตัวสุดท้าย “R” คือ Return ปกติเราจะเข้าใจกันว่าผลตอบแทนเป็นสิ่งที่ควบคุมได้นะ แต่เปล่าเลยสิ่งที่คุณควบคุมได้มีแค่ Risk เท่านั้นยิ่งคุณกำจัดความเสี่ยงได้มากเท่าไร โอกาสที่ผลตอบแทนจะเพิ่มขึ้นก็มีมากเท่านั้น การเข้าใจ Return จะทำให้คุณมองเห็นกำลังซื้อของเงินที่ทุกวันนี้มันกำลังลดลงไปเรื่อยๆ คือเงินมันเฟ้อขึ้นทุกปี มาเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิต และนั้นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมทุกอาชีพ ควรมีอาชีพเสริมเป็นนักลงทุน

 

ถ้าคุณเข้าใจ “แก่น” ของการลงทุน คุณก็จะลงทุนด้วยปัญญา

- ภาววิทย์ กลิ่นประทุม -

 

.

.

.

อ่านเพิ่มเติม: หนังสือ คลินิกหุ้นมือใหม่, ออมในหุ้น - ภาววิทย์ กลิ่นประทุม

 


FahsaiME