ห้องเม่าปีกเหล็ก

“ทักษะการลงทุน” สิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องมี !!!

โดย 2morrowpublishing
เผยแพร่ :
115 views

ทักษะการลงทุน สิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องมี !!!

คนรุ่นใหม่ทำไมถึงต้องมาลงทุนในหุ้น ?

เด็กรุ่นใหม่ เค้าอยากเอาเงินมาลงทุนกันเยอะ เงินทุน เงินออม เงินเก็บ ก็อยากเอามาเทรด

เด็กรุ่นใหม่ มองว่า เงินเฟ้อมันสูง เก็บเงินไว้ก็ไม่รวย ก็จะจนลง เพราะดอกเบี้ยมันต่ำ ค่าครองชีพมันสูง 

ถ้าเอาเงิน 1 ล้านบาทไปฝากธนาคาร ได้ดอกเบี้ยน้อย  เหมือนเอาเงินไปดองไว้ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า


เมื่อก่อนคนส่วนใหญ่เอามาฝากธนาคาร ไม่ได้ลงทุน เพราะได้ดอกเบี้ยเยอะ

แต่ปัจจุบัน มันไม่ใช่ เหมือนแช่ตุ่ม ก็เลยต้องหาช่องทางอื่นในการมาลงทุน


ซึ่งหุ้นมันสภาพคล่องสูงถ้าเทียบกับเรามาลงทุนในอย่างอื่น เช่น อสังหาฯ ถ้าเราไม่เก่งเราก็อาจจะติด แต่ถ้าเราลงทุนในหุ้นที่ดีๆ เราก็ยังซื้อได้ขายได้ทันที มีคนรอรับทุกวัน แล้วอีกประเด็นนึง คนรุ่นใหม่รู้สึกว่าจบไปทำงานประจำมันไม่มั่นคง เพราะเราเกิดในยุคที่เศรษฐกิจมันหดตัว


คือสมัยก่อน ยุคเบบี้บูม การบริโภคมันเพิ่ม โรงงานมันก็ขยาย จ้างวิศวกรเยอะๆ

ซึ่งปัจจุบันสายที่เป็นโปรดักชันทั้งหมด ถ้าเทียบตอนนี้กับ10 ปีที่แล้ว มันได้เท่าเดิม

แต่ของกิน ค่าครองชีพมันแพงขึ้น ค่าอสังหาฯ แพงขึ้นไม่รู้เท่าไหร่

รวมถึงเงินเดือนก็ 15,000 เท่าเดิม สมัยก่อน ... เงินเดือน 800 บาท ซื้อทองได้หนักถึง 2 บาท

แต่สมัยนี้ เงินเดือนออกมายังซื้อทองหนัก 1 บาทไม่ได้เลย ... เวลาผ่านไปมันต่างกันมากเลย

 

ประเทศเราคนจ่ายภาษีมันน้อย ไม่มีสวัสดิการ ไม่เหมือนยุโรป ... สวัสดิการสังคมดี รักษาฟรี เรียนหนังสือฟรี ประเทศเราไม่มี ... อย่างฝรั่งเศส ถ้าเป็นคนฝรั่งเศสส่งให้เรียนจนจบปริญญาโทเลย ถึงถ้าไม่ฟรีก็จ่ายถูกมากๆ แค่ 100 เหรียญ เท่านั้น !!!


มาดูความเสี่ยงทั่วๆ ไปกัน

1. ป่วย

คนไทยต้องเก็บเงินไว้ช่วยตัวเอง คนเราก็ป่วยได้ เช่น ปัจจุบัน เราป่วยเราก็เข้าเอกชน ถ้าเราป่วยหนัก เพราะถ้าเป็นรัฐบาลเราก็จะไปต่อคิวไม่ไหว และก็ต้องมีประกัน และบางทีอาจจะต้องจ่ายเพิ่มประมาณนึง ค่ารักษาพยาบาลทีนึงเงินเดือนอาจจะหมดได้


2
. ตกงาน

ปีที่ผ่านๆ มามีเพื่อนทำงานอยู่ที่บริษัทใหญ่ๆ ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน สัญญาณไม่ค่อยดี มีความเสี่ยงว่าจะตกงาน

 

ทางออกของความเสี่ยงทั้งหมด

วัยรุ่นสมัยนี้เค้าเริ่มคิดเรื่องเงินมากขึ้น สมัยก่อนตอนเราเป็นวัยรุ่น เที่ยวอย่างเดียวไม่สนใจ แต่สมัยนี้ เด็กมหาลัย เรียน ปี 1 ปี 2 เริ่มอยากลงทุน วัยรุ่นสมัยนี้เค้าเริ่มอยากมีรายได้หลายทาง ช่องทางอินเทอร์เน็ต ก็เป็นอีก 1 ช่องทางหาความรู้ ถ้าอยากลงทุน คนสมัยนี้ก็หาข้อมูลได้เก่ง ใช้มือถือเก่ง ศึกษาได้ด้วยตัวเอง แปปเดียวก็เข้าใจ ซื้อขายได้ เด็กปัจจุบันโตเร็ว เป็นเร็ว เก่งเรื่องไอที ซึมซับในส่วนของเทคโนโลยีสมัยนี้ เด็กรุ่นใหม่หาเงินเก่ง เพราะรู้ช่องทางออนไลน์ เช่น ขายของออนไลน์ เค้าก็เริ่มมีรายได้เป็นของตัวเอง พอมีรายได้ก็อยากจะเอาเงินมาลงทุนกัน

 

แชร์ประสบการณ์ตัวเอง คุณเป๊ก พุฒิมาส (นักเขียน)

เมื่อก่อน เรียนสถาปัตมา มันไม่เกี่ยวกับหุ้น แต่เพื่อนสนิทชอบลงทุน เหมือนนักธุรกิจ ก็คุยกันเรื่องลงทุน เรื่องเงิน คนอื่นคิดเรื่องเที่ยว เรากับเพื่อนคิดเรื่องเงิน

ตัวง่ายสุดที่เอาไปลงทุนเนี่ย คือ ลงทุนในดัชนีก่อน สมัยนั้นยังเลือกหุ้นไม่เป็น มีเงินก้อนนึง ฐานตัวไหนย่อๆ ก็ลงทุนดัชนีไป พอขึ้นมาจับจังหวะได้ก็ขายได้กำไรมานิดหน่อย

อันนั้นคือ สเต็ปแรก หลังจากนั้นก็มาดูหุ้นรายตัว แล้วก็มาคุยกับเพื่อนว่าแกลงทุนอะไร

ฉันลงทุน ... กองทุน พวกอสังหาริมทรัพย์ CPN CG ตึกเซ็นทรัลเวิล์ด ที่เป็นตึกเช่าออฟฟิศ

ได้ปันผล 5-6%  ได้กำไรช้าแต่ชัวร์ และก็อาจจะเอามาลงทุนในหุ้นใหญ่ ตัวหลักๆ เลย มันเป็นตัวนำดัชนี มั่นคง ถ้ามันไม่ขึ้น ตลาดเราก็ไม่ขึ้น

 

ลงเล่นหุ้นใหญ่ไปก่อน เพราะเล่นง่าย เริ่มจากอะไรที่มันง่ายๆ ไม่ต้องทำอะไรให้ซับซ้อน ลงทุนง่ายๆ แล้วได้กำไร  เริ่มลงทุนแรกๆ ควรทำให้เสี่ยงน้อยที่สุด เพราะถ้าเริ่มมาแรกๆ แล้วขาดทุน อาจะท้อทำให้เลิกเล่นได้


กระแสเงินสด คือ หัวใจของการบริหารเงิน

 

'กระแสเงินสด' สำคัญมาก ถ้าบริษัทนั้นๆ เริ่มขาดเงินสด แสดงว่าบริษัทเริ่มแย่ละ ต้องไปกู้มา อัตราส่วนมันสูง นักลงทุนก็จะอยากขาย ค่ามันก็จะแย่ ดูเหมือนมีอะไรที่ไม่ดีกำลังเกิดขึ้น

 

เรื่องของการบริหารความเสี่ยง ชีวิตเราก็ต้องมีกระแสเงินสดที่เพียงพอ ถ้ากระแสเงินสดไม่พอ ก็ทำอะไรไม่ได้เลย เงินเดือนออกมาใช้ไม่พอ หากใช้เกินก็เป็นหนี้ หรือ ใช้แล้วพอ แต่เหลือเงินน้อยมาก ก็ไม่โตเหมือนกัน


อย่างแรกเลย ก่อนที่จะเป็นนักลงทุน คือ ถ้าทำงานแล้วเงินน้อย ก็ต้องหาเพิ่มมาเก็บไว้ที่ตัวก่อนแล้วค่อยเอาเงินสดมาลงทุนและกระจายความเสี่ยง ไม่ใช่เอาเงินทั้งหมดที่มีไปลงทุน แล้วไม่มีเงินสดเก็บไว้ เพราะ...

ถ้าเกิดเราขาดทุนขึ้นมา เราทนไม่ไหว เราก็จะอยากไป cutloss แล้วเราก็จะขาดทุน

ซึ่งกระแสเงินสดในส่วนใช้จ่ายเราก็ต้องใช้ให้พอ ส่วนลงทุนก็ต้องกันไว้บางส่วน แล้วถ้าเกิดคนมีบ้านมีรถที่ต้องผ่อน ก็ยิ่งต้องสำรอง ล่วงหน้าไว้ 10 เดือน ของค่าใช้จ่ายนั้นๆ

เผื่อตกงานทำยังไง? ถ้าตกงานกระแสเงินสดเราไม่พอ กลายเป็นว่า ขายหุ้นทั้งขาดทุน กลายเป็นเจ๊งหมดเลย ตามหลักของการลงทุน คือ ต้องมีตังเหลือ แต่คนส่วนใหญ่ตังไม่เหลือแต่อยากลงทุน ก็คือต้องหาเงินมาเพิ่ม

ลงทุนต้องใช้เงินเย็น ไม่อย่างงั้นถ้าเราต้องการใช้เงินด่วนก็กลายเป็นว่าเราต้องไปขายหุ้นที่อยู่ในพอร์ตเพื่อเอาเป็นเงินกลับมา ซึ่งกำไรหรือขาดทุนก็แล้วแต่ เราก็ต้องขายมันทิ้ง

 

จิตวิทยาการลงทุน ... ให้ได้ตังค์

1. ชิลๆ เรื่องเงิน

เรื่องเงินเย็น คือ แบบถือไปชิลๆ ... เงินที่เราลงทุน คือเราต้องวางไปได้เลย ไม่ใช่ดูพอ์รตทุกวัน มันจะขึ้นมันจะลง  มันก็จะขายอะ เพราะสุดท้ายเราจะทนไม่ไหว

 

2. หุ้นตก เฉยๆ ... ฉันรอซื้อเพิ่ม

หลักของนักลงทุนพวกเน้นคุณค่า พวกสาย VI (Value Investor) หุ้นตกก็รอซื้อเพิ่ม ถูกอีกก็ซื้ออีก แต่คนปกติ หุ้นตกจะตกใจ พอหุ้นตกจะรู้สึกว่ามันไม่ดี

 

3. ไม่ขี้กังวล

ไม่ดูแล้วดูอีก คล้ายๆ ข้อ 1 แต่ข้อที่ 1 จะเป็นเรื่องของเงินเย็น

 

ฝากสำหรับมือใหม่เล่นหุ้น

- ต้องศึกษาอย่างจริงจัง หาข้อมูลด้วยตัวเอง อย่าถามหุ้นจากคนอื่น อย่าเล่นตามคนอื่น

- อย่าคิดว่ามาวัดดวงกับหุ้น คนส่วนใหญ่คิดว่าหุ้นก็เหมือนหวย เดี๋ยวมันก็ขึ้น หุ้นไม่ใช่หวย

จริงๆ มันมีหลักการเยอะ ไม่ใช่แค่ซื้อแล้วมาลุ้นให้มันขึ้น มันมีที่มาที่ไป มีอะไรหลายๆ อย่างที่มีผลต่อราคา

__________________________

สามารถอ่านเพิ่มเติม ได้ในหนังสือ “How To ติวเบสิกเรื่องหุ้น ลงทุนให้ปัง"

หนังสือเล่มนี้ ตอบโจทย์สำหรับคนทุกรุ่นที่สนใจการลงทุนในหุ้น

ซึ่งเป็นเทรนด์ของยุคปัจจุบันที่อัตราเงินเฟ้อสูง อัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ และเงินเดือนโตไม่ทันเงินที่ต้องใช้ 

หนังสือที่มือใหม่ถอดด้าม ใหม่ใสกริ๊ง น่าจะได้อ่านเป็นเล่มแรกๆ ก่อนการลงทุน 

@single trader

@2morrow publishing

*** วางแผงแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ 

และวางจำหน่ายแล้วที่ stock2morrow อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 19 และ ชั้น 17

 

สั่งซื้อที่ : https://goo.gl/vvtSI7

หรือสั่งผ่าน Line@ : @stock2morrow


2morrowpublishing