เล่นหุ้นแบบนักเก็งกำไร
ในตลาดหุ้นที่ประเทศไหน ๆ ก็ตาม มีวิธีการซื้อขายหุ้นกัน แบบที่เรียกว่า “การประมูล” (Auction) คือ ผู้ซื้อหุ้น ผู้ขายหุ้น ต่างมีอิสระเสรีในการเสนอราคา ใครต้องการซื้อหุ้นอะไร ราคาเท่าไหร่ ก็ทำได้ ใครต้องการขายหุ้นอะไร ราคาเท่าไหร่ ก็ทำไค้ ขอแต่ว่า ผู้ต้องการจะซื้อหุ้นต้องมีเงินจริงและมากเพียงพอที่จะจ่ายเป็นค่าซื้อหุ้น และผู้ต้องการจะขายหุ้นต้องมีหุ้นจริง ๆ ตามจำนวนที่เขาจะขายเท่านั้น
การประมูลซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้น ก็คล้าย ๆ กับการประมูล อย่างที่รู้จักกันดี ถ้าใครเคยไปประมูลของที่จำนำไว้แล้วเกินกำหนด เวลาไถ่คืน โรงจำนำก็จะนำของนั้นออกมาประมูลขาย
อาจเริ่มจากการหยิบสินค้าให้ดูกันก่อน แล้วก็ตั้งราคาขั้นต่ำไว้ เป็นประเดิม จากนั้นก็เปิดโอกาสให้ผู้เข้าประมูลเสนอราคากัน ใครให้ราคาสูงกว่าก็มีสิทธิได้ของนั้นไปในราคานั้น
ในตลาดหุ้นก็เหมือนกัน แต่จะเป็นการเสนอราคา 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายผู้ต้องการจะซื้อก็จะเสนอราคาซื้อเท่าไหร่ก็ได้
ฝ่ายผู้ต้องการจะขายก็จะเสนอราคาขายเท่าไหร่ก็ได้เหมือนกัน ถ้าราคาที่เสนอซื้อไปตรงกับราคาเสนอขายเข้า ก็จะเกิดการซื้อขายกันขึ้นในราคานั้น
ฉะนั้นราคาหุ้นแท้จริงแล้ว ก็คือ ผลลัพธ์ของความประสงค์ซื้อของคนหนึ่ง ที่ไปตรงกับความประสงค์ขายของอีกคนหนึ่งนั้นเอง ราคาอาจสูงลิบลิ่วระฟ้า หรืออาจเตี้ยติดดินก็ได้ ไม่ใช่ของแปลก เพราะทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างก็พอใจราคานั้นแล้ว ไม่งั้นดันเสนอราคานั้นไปทำไม ?
เมื่อเป็นดังนี้ ราคาหุ้นในตลาดหุ้นในขณะใดขณะหนึ่งจะเป็นเท่าไร หรือควรจะเป็นเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้ และไม่มีใครตอบได้ ถ้ามีคนต้องการจะซื้อมาก ก็ต้องเสนอราคาสูง ราคาก็จะสูง ถ้ามีคนต้องการขายมาก ก็ต้องเสนอราคาต่ำ ราคาก็จะต่ำ จึงไม่น่าแปลกที่วันหนึ่งๆ หุ้นจะมีราคาที่แตกต่างกันนับสิบ นับร้อยบาท หรือเดือนหนึ่ง ๆหุ้น จะมีราคาแตกต่างกันถึงพันบาท ก็ยังเคยเกิดขึ้น คนไหนเห็นว่าหุ้นราคาถูกก็จะซื้อ คนไหนเห็นว่าหุ้นราคาแพงก็จะขาย จึงเกิดการซื้อขายขึ้น ราคาถูกของคน ๆ หนึ่ง อาจเป็นราคาแพง ของคนอีกคนหนึ่งก็ได้ เพราะนี่คือตลาดหุ้น
ว่ากันว่า เล่นหุ้นแบบนักเก็งกำไรง่ายนิดเดียว คือให้ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ขายไปเท่านั้น เมื่อไหร่จะซื้อได้ราคาต่ำ และเมื่อไหร่จะขายได้ราคาที่สูงกว่า อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกจังหวะเข้าซื้อ และจังหวะขายได้ถูกต้อง แม่นยำกว่ากัน
การเล่นแบบนักเก็งกำไร จะไม่สนใจราคาหุ้นที่จะซื้อว่าเป็น เท่าไร ราคาแค่ไหนก็ซื้อได้ เพราะจะดูจังหวะเวลาที่ซื้อหุ้นขายหุ้นให้ เหมาะเหม็งเท่านั้น
แต่ก่อนมักอาศัยแค่ความรู้สึก และประสบการณ์ของตัวเอง คะเนเอาเอง ถ้ารู้สึกว่าหุ้นราคาจะขึ้นก็จะซื้อ ถ้ารู้สึกว่าหุ้นราคาจะลง ก็จะขาย เดี๋ยวนี้ก้าวหน้าขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์ก็มีราคาถูก การวิเคราะห์ ทางเทคนิค (Technical Analysis) จึงเริ่มมีคนสนใจและแพร่หลาย บ้านเราก็ฮิตกันเมื่อ 2-3ปีมานี้เอง
หลักการสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็ คือ สิ่งที่เคยเกิด ขึ้นในอดีตจะต้องเกิดขึ้นอีกในปัจจุบันและอนาคต หรือต้องเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีตเป็นรูปแบบเช่นไร การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นในปัจจฺบันจะต้องเกิดในรูปแบบทำนองนั้นเสมอ
ทำไมหลักการเช่นว่านี้จึงถูกต้อง และก็มีนักวิเคราะห์ทางเทคนิค ต้นตำราหลายสิบคนได้พิสูจน์มาแล้วว่าเป็นจริง
เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ เมื่อราคาหุ้นเป็นผลลัพธ์ของความต้องการซื้อและความต้องการขายของคน อารมณ์และความรู้สึกของนักเล่นหุ้น คือ ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงไป
ในสถานการณ์หนึ่ง จะทำให้นักเล่นหุ้นมีอารมณ์และความรู้สึกอย่างหนึ่ง ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปของการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น และปริมาณการซื้อขายหุ้น ถ้าลองจดระดับราคาไว้บนกระดาษกราฟ จะเห็นรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงของราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีต ซึ่งสะท้อนถึง สภาวะทางอารมณ์และความรู้สึกของนักเล่นหุ้นในขณะนั้นได้เป็นอย่างดี
นักเล่นหุ้น เคยมีปฏิกริยาทางอารมณ์ต่อเหตุการณ์ในอดีตเช่นไร ก็ควรจะต้องมีปฏิกริยาทางอารมณ์ต่อเหตุการณ์ทำนองนั้นในปัจจุบัน และในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะคนก็คือคน แม้จะต่างเวลากัน ก็จะไม่ต่างกันมากนัก
ดังนั้น เมื่อเห็นรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงราคาในอดีตว่า เป็นลักษณะใด ก็ควรสันนิษฐานต่อไปได้ว่า รูปแบบของการเปลี่ยน แปลงราคาในปัจจุบันและอนาคตควรจะอยู่ในลักษณะที่คล้ายคลึงกันนั้น
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นการนำเอาเครื่องมือทางสถิติ การคำนวณและการเขียนภาพและกราฟ มาประกอบกันเพื่อแสดงถึงรูปแบบในอดีต แล้วนำเครื่องมือเหล่านั้นมาคำนวณเพื่อชี้ให้เห็นถึงความน่าจะเป็นของรูปแบบ ในอนาคต การวิเคราะห์ทางเทคนิค บอกจังหวะ เวลาที่เหมาะสมจะซื้อ จังหวะเวลาที่เหมาะสมจะขาย และจังหวะเวลา ใดที่ควรอยู่เฉย ๆไม่ซื้อไม่ขาย
หลาย ๆ เครื่องมือของการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะบอกแนวทางกว้างๆให้ หลายๆเครื่องมือจะชี้เฉพาะอย่างชัดเจน และหลายๆ เครื่องมือจะบอกจังหวะเวลาที่แตกต่างกัน ความคุ้นเคย และประสบการณ์ของผู้ใช้เครื่องมือเท่านั้นจะทำให้การอ่านความหมายได้ใกล้ เคียงกับความเป็นจริงที่สุด
ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก....setmai.com.