ท่องเที่ยว = ความหวังท่ามกลางเศรษฐกิจที่เปราะบาง
ในยุคที่สงครามการค้าร้อนระอุ และการส่งออกยังเต็มไปด้วยความเสี่ยง “ภาคบริการ” ซึ่งคิดเป็นราว 60% ของ GDP ไทย จึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในการประคองเศรษฐกิจ โดยมี “การท่องเที่ยว” เป็นหัวหอก

ฟื้น...แต่ยังไม่เต็ม
ปี 2562 ก่อน COVID-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเกือบ 40 ล้านคน แต่ในปี 2564 ลดลงเหลือไม่ถึง 5 ล้าน
- ล่าสุด 4 เดือนแรก ปี 2568 มีนักท่องเที่ยวแล้ว 12.1 ล้านคน ลดลง 0.3% จากปีก่อนหน้า แต่ยังต่ำกว่าปี 2562 ราว 14%
- ขณะที่ รายได้จากการท่องเที่ยว อยู่ที่ 5.7 แสนล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ประมาณ 13%
คนเยอะ ≠ รายได้เยอะ
แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่โครงสร้างรายได้ก็เปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวจากรัสเซีย ยุโรป และตะวันออกกลางมักมีรายได้เฉลี่ยต่อคนสูงกว่ากลุ่มจีนหรืออินเดีย การไล่ล่าตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว จึงอาจไม่ตอบโจทย์เท่าการ “ยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยว” ให้ใช้จ่ายต่อหัวสูงขึ้น อยู่ในไทยนานขึ้น และกระจายสู่เมืองรองมากขึ้น
พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป: เที่ยวสั้น ใช้น้อย ระวังมาก
นักท่องเที่ยวยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม post-COVID ให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์เฉพาะถิ่น” มากกว่าความหรูหรา เที่ยวสั้นลงแต่คาดหวังคุณภาพที่สูงขึ้น พวกเขาไม่ต้องการแค่ทะเลหรือห้าง แต่กำลังมองหา “มูลค่าเพิ่ม” เช่น ทริปเดินป่า, เรียนทำอาหารไทย, หรือการพักในชุมชนท้องถิ่น นี่คือโอกาสของเมืองรองและผู้ประกอบการรายย่อยในไทย
แรงหนุนใหม่ เสริมกำลังใจ
• การยกเว้นวีซ่าชั่วคราวให้ประเทศหลัก เช่น จีน อินเดีย คาซัคสถาน
• การขยายตลาดใหม่ไปยังกลุ่มตะวันออกกลาง เกาหลีใต้ และ digital nomads
• แคมเปญระดับชาติ เช่น Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 ที่เน้นทั้งกีฬา-ท่องเที่ยวควบคู่
ความท้าทายที่ยังไม่จาง
• เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวกดดันกำลังซื้อ
• การแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ที่เร่งทำตลาดเต็มที่
• ปัญหาความปลอดภัยจากข่าวแก๊งลักพาตัวนักท่องเที่ยว และภัยธรรมชาติล่าสุด เช่น แผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือนมีนาคม
• การที่จีนหันมา “ดึงนักท่องเที่ยวกลับบ้าน” และส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างจริงจัง
หมดยุคหวังพึ่งจีน?
แม้จีนยังเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวเบอร์หนึ่งของไทย แต่การกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่แบบเดิม นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวสั้นลง ใช้น้อยลง และหันไปยังประเทศอื่นที่สร้างภาพลักษณ์ใหม่ได้ดีกว่า เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ การรอให้จีน “กลับมาเหมือนเดิม” อาจเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ทันเกมอีกต่อไป
ไทยควรเดินอย่างไรในสนามใหม่
ถ้าการท่องเที่ยวคือ “กันชนเศรษฐกิจ” ในช่วงวิกฤต ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนให้กลายเป็น “เครื่องยนต์ที่ยั่งยืน” ผ่านการกระจายตลาด พัฒนาเมืองรอง ยกระดับมาตรฐานบริการ และปรับใช้ Tourism Tech เพื่อดึงดูดกลุ่มใหม่ เช่น Wellness Tourism, Long-stay Visa, และนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์เฉพาะตัวมากกว่ามุมถ่ายรูป
บทสรุป: การท่องเที่ยวไม่ใช่แค่ตัวเลข
ในโลกที่ความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติ การท่องเที่ยวไม่สามารถพึ่งโชคหรือจำนวนได้อีกต่อไป
แต่ต้องอาศัยยุทธศาสตร์ ความเข้าใจพฤติกรรม และการพัฒนาเชิงโครงสร้าง
เพราะความหวัง…ต้องมีแผนที่รองรับ ไม่ใช่แค่ความเชื่อว่าจะกลับมาเองเหมือนเดิม
.
เรื่องและภาพ: กุสุมา ธะนะวงศ์ & ทักษิณ แซ่เตียว Economist, Bnomics
════════════════
ที่มา.. Bnomics by Bangkok Bank