กลุ่ม ปตท.แจงงบลงทุน 5 ปี 1.2 ล้านล้าน จ่อนำเข้า LNG จาก "เชลล์-บีพี" เม.ย.นี้

ปตท.วางงบลงทุนทั้งเครือฯในช่วง 5 ปี (60-64) แตะ 1.2 ล้านล้านบาท โดยยังไม่รวมการลงทุนโครงการใหม่จากบริษัทลูก โดยแบ่งเป็นการลงทุนเฉพาะปตท.อยู่ที่ 3แสนล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในโครงการวางท่อเส้นที่ 5 และคลังLNG โดยเตรียมเซ็นสัญญาซื้อ LNG จากเชลล์และบีพีในปีนี้และเริ่มนำเข้า เม.ย.60
       
       นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า งบลงทุนของกลุ่ม ปตท. 5ปี(2560-2564)จะอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท เป็นการลงทุนตามแผนงานปัจจุบัน โดยยังไม่ได้รวมการลงทุนส่วนที่จะเพิ่มขึ้นใหม่ในอนาคตของบริษัทในเครือทั้งไทยออยล์ , พีทีทีโกลบอลเคมิคอล ,ไออาร์พีซี และปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่จะได้ข้อสรุปในช่วงปลายปี
       
       ขณะที่งบลงทุนเฉพาะปตท. 5 ปีข้างหน้าจะเกือบ 3แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโครงการวางท่อก๊าซฯเส้นที่ 5ซึ่งอยู่ระหว่างการออกแบบและทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม คาดว่าปีหน้าจะเปิดประมูลก่อสร้างได้ คลังแอลเอ็นจี แห่งที่ 1 ระยะที่ 2 ก็จะเสร็จตามแผนงานปีหน้า โดยจะลงทุนส่วนขยายเพิ่มเติมอีก 1.5 ล้านตัน เป็น 11.5 ล้านตัน สำหรับคลังแอลเอ็นจี แห่งที่ 2 ก็เตรียมว่าจ้างผู้รับเหมาในปีหน้าเช่นกัน
       
       นายเทวินทร์ กล่าวต่อไปว่า ปตท.คาดว่าจะลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)ระยะยาวกับบริษัท SHELL EASTERN TRADING (PTE) LTD. และบริษัท BP SINGAPORE PTE.LIMITED ในปริมาณรายละ 1 ล้านตัน/ปี รวมปีละ 2 ล้านตันภายในปีนี้ และจะเริ่มนำเข้าLNGในเดือนเม.ย.2560 เป็นต้นไป ซึ่งการชะลอการเซ็นสัญญาซื้อขายLNGจากเดิมที่จะต้องเซ็นสัญญาและรับก๊าซฯในเดือนเม.ย. 2559 เนื่องจากราคาLNGตลาดโลกปรับตัวลง ดังนั้นปตท.จึงได้มีการเจรจาสัญญาซื้อขายใหม่ จนล่าสุดสูตรราคารับซื้อLNGใหม่นี้ทำให้ราคาLNGปรับลดลงมากพอสมควรจากเดิมหากใช้สูตราเดิมราคาจะอยู่ที่ 8 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู แต่สูตรใหม่ราคาจะอยู่ที่ 6 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู
       
       ทำให้ช่วงที่ชะลอการซื้อนั้นต้นทุนราคาเนื้อก๊าซฯสามารถประหยัดได้ราว 3 พันล้านบาท/ปี เพราะหันไปซื้อตลาดจรที่มีราคาถูกกว่าแทน และตามสูตรราคาใหม่ที่จะนำเข้าจากทั้งสองรายเป็นเวลา 15 ปีจะช่วยประหยัดลงได้ราว 1 แสนล้านบาทตลอดอายุสัญญา
       
       นายเทวินทร์ ส่วนการตั้งบริษัทเทรดดิ้งในลอนดอนนั้นจะเป็นการต่อยอดการทำธุรกิจเทรดดิ้งน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในภูมิภาคยุโรปเชื่อมโยงถึงอเมริกา ส่วนการตั้งบริษัทเทรดดิ้งที่สิงคโปร์นั้นจะเป็นการเทรดน้ำมันในภูมิภาคนี้เท่านั้น
       
       วันนี้ (3 ต.ค.) สมาชิกสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักรซึ่งประกอบด้วย ฝ่ายไทย 13 องค์กร นำโดยนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ในฐานะประธานคณะกรรมการสมาชิกฝ่ายไทย และฝ่ายสหราชอาณาจักร 11 องค์กรนำโดยนายไบรอัน เดวิทสัน เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ได้ร่วมประชุมหารือแนวทางการขยายความร่วมมือของภาคเอกชนทั้งสองประเทศในการเพิ่มการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยจะนำผลสรุปดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาลของแต่ละประเทศเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ โดยมีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์เข้าร่วมประชุมด้วย
       
       สมาชิกฝ่ายไทยเสนอให้มีการพิจารณาสิทธิพิเศษทางภาษีการค้าการลงทุนเพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการตั้งสำนักงานตัวแทน , การขอใบอนุญาตทำงานให้กับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น พ่อครัวแม่ครัวเข้าไปทำงานในสหราชอาณาจักร ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมพลังงาน ปิโตรเคมี ที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไทยให้ความสนใจเป็นพิเศษ

ขอบคุณที่่มาข้อมูลจาก