เช็คหุ้นแบงก์ ใครมีสินเชื่อเติบโตมากกว่ากัน ?
แนวโน้มหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวดีขึ้นตามสินเชื่อที่ขยายตัวและการตั้งสำรองหนี้ที่ลดลง แม้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะยังเป็นขาขึ้น แต่ตลาดคาดว่าจะเป็นการปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและยังคงมีมาตรการช่วยเหลือที่คอยพยุงจนถึงสิ้นปีหน้า ประกอบกับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบน่าจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศให้ฟื้นตัว สะท้อนได้จากตัวเลขสินเชื่อในเดือนพ.ค. 65 ของ 8 หุ้นธนาคารซึ่งมีทิศทางดีขึ้น
โดยบล.เคทีบีเอสที ระบุว่า ภาพรวมสินเชื่อเดือนพ.ค. 65 ของ 8 หุ้นธนาคาร ได้แก่ BBL, KBANK, KKP, KTB, LHFG, SCB, TISCO และ TTB อยู่ที่ 11 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนเม.ย. 65 จากสินเชื่อรายใหญ่ที่กลับมาฟื้นตัวได้ดี
สำหรับธนาคารที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากที่สุดจากเดือนเม.ย. 65 คือ LHFG เพิ่มขึ้น 3.2% โดยสวนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อเชื่อรายใหญ่ รองลงมาเป็น KKP เพิ่มขึ้น 1.8% จากสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อบ้าน ขณะที่ธนาคารที่มีสินเชื่อลดลงมากสุดเมื่อเทียบเดือนเม.ย. 65 คือ KTB ลดลง 0.9% จากสินเชื่อภาครัฐที่มีการชำระคืน ด้านธนาคารที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากที่สุดจากต้นปี คือ KKP เพิ่มขึ้น 9.70% รองลงมา คือ LHFG เพิ่มขึ้น 5.30% ส่วนภาพรวมของเงินฝากในเดือน พ.ค. 65 อยู่ที่ระดับ 12.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนเม.ย. 65 เพราะสภาพคล่องที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
คาดสินเชื่อทั้งปียังเติบโต 4%
บล.เคทีบีเอสที มีมุมมองเป็นบวกต่อสินเชื่อในเดือน พ.ค. 65 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย. 65 ได้ตามคาด จากการกลับมาฟื้นตัวในส่วนของสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อเช่าซื้อ ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าภาพรวมของสินเชื่อในเดือนมิ.ย. นี้ จะเห็นการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง เพราะสินเชื่อรายใหญ่อยู่ในช่วงเร่งตัวขึ้น, และภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ รวมถึงยังมีโครงการช่วยเหลือลูกหนี้อยู่ในโครงการ Debt relief ซึ่งจะไม่มีการคืนหนี้จำนวนมากเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบต่อไป โดยการเติบโตของสินเชื่อยังคงดีตามคาด ซึ่งทำให้ภาพรวมสินเชื่อรวมทั้งปี 2565 ของกลุ่มธนาคารที่คาดไว้ที่ 4% จากปีก่อน (เทียบกับสินเชื่อรวมของกลุ่มใน 5 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 1.5%) ยังคงทำได้ตามคาด อย่างไรก็ดี ให้ความสำคัญกับประเด็นของ NPL มากกว่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นไม่น่ากังวลมากนัก เพราะ ธปท.มีการต่อมาตรการไปถึง 31 ธ.ค. 2023
ราคาหุ้นยังถูก เลือก KBANK เป็น Top pick
ยังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารเป็น "มากกว่าตลาด" เพราะ valuation ยังถูก เทรดที่ระดับเพียง 0.82x ด้าน NPL แม้ว่าจะยังอยู่ในขาขึ้น แต่เป็นการทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะยังมีมาตรการช่วยเหลือต่อถึงสิ้นปี 2566 โดยฝ่ายวิเคราะห์ชอบกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่มากกว่าธนาคารขนาดเล็กเนื่องจากได้ประโยชน์จากแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น โดยเลือก KBANK เป็น Top pick ของกลุ่มฯ ให้ราคาเป้าหมาย 190.00 บาท เพราะเป็นธนาคารที่เน้น digital รายแรกและยังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้าน digital ต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นความชัดเจนได้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป และสินเชื่อภาคการท่องเที่ยว
(สัดส่วนราว 20% ของสินเชื่อรวม) จะทยอยเห็นการฟื้นตัวได้ดีในครึ่งหลังของปีนี้ จากการเริ่มเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ขณะที่ KKP แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 84.00 บาท และ LHFG แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 1.35 บาท จะได้ sentiment เชิงบวกจากสินเชื่อที่เติบโตได้อย่างโดดเด่นในเดือน พ.ค. 65