CPF ไตรมาส 2 ยังแย่ต่อ!
คาดขาดทุนสูงถึง 1.5 พันล้านบาท
โบรกฯ มองยังไม่น่าสนใจ “ให้ชะลอลงทุน”

.
CPF หรือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการในไตรมาส 1/66 โดยมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 2.7 พันล้านบาท ลดลงถึง 196% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจัยหลักมาจากตันทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 15%
.
รวมถึงคำใช้จ่ายพลังงานค่าขนส่งที่สูงขึ้น ประกอบกับราคาเนื้อสัตว์โดยเฉพาะราคาสุกรที่อยู่ในระดับต่ำกว่าราคาของปีก่อนในหลายประเทศ ทำให้กำไรขั้นตันลดลง 2.2 พันล้านบาท รวมทั้งทำให้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้น 752 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากธุรกิจในต่างประเทศ
.
นอกจากนี้มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพยังลดลง 1,139 ล้านบาท เนื่องจากราคาสุกรเฉลี่ยในภูมิภาคเอเชีย ณ สิ้นไตรมาส 1/66 อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระดับราคา ณ สิ้นปี 2565 อีกทั้งดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เพิ่มขึ้น 1.5 พันล้านบาท จากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา
.
ทั้งนี้ จากผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 1/66 ออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ไว้ แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงและในเชิงกลยุทธ์จะสามารถเข้าเก็งกำไรได้ แต่ในเชิงพื้นฐานผลประกอบการยังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและราคาหมูยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้หุ้น CPF ยังไม่น่าสนใจเข้าลงทุน
.
โบรกฯ แนะ “ชะลอการลงทุน”
โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า CPF ขาดทุนมากกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดไว้ 64% ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่อ่อนแอกว่าคาดมาก โดยส่วนแบ่งผลประกอบจากบริษัทร่วมรับรู้เป็นผลขาดทุนอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท จากที่มีกำไร 2.6 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/665 และขาดทุนมากขึ้น 223.3% จากไตรมาส 1/65 อ่อนแอกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่าจะมีกำไร 287 ล้านบาท
.
ทั้งนี้จากผลกระทบของราคาหมูจีนที่ปรับลดลงแรงเนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดเพิ่มกำลังการผลิต ทำให้ผลประกอบการ CTI อ่อนแอ ขณะที่ธุรกิจ Hylife (Canada) ก็ยังไม่ฟื้นตัวเช่นกัน
.
ดังนั้นด้วยผลประกอบการไตรมาส 1/66 ที่ออกมาต่ำกว่าคาดมาก และแนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการมองว่ายังทำได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เห็น Downside risk ต่อประมาณการกำไรปี 2566 มากขึ้น ฝ่ายวิเคราะห์จึงอยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนเพื่อปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลง
.
ทั้งนี้แม้จะคงคำแนะนำ TRADING ในเชิงกลยุทธ์คาดราคาหุ้นตอบรับเชิงลบจากผลประกอบการไตรมาส 1/66 ที่อ่อนแอ แต่แม้ราคาหุ้นจะย่อลงมาฝ่ายวิเคราะห์มองว่ายังไม่น่าสนใจจากการขาดปัจจัยบวกในระยะสั้น แนะนำ ชะลอการลงทุน
.
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า CPF ขาดทุนสุทธิมากกว่าที่คาด 411% และขาดทุนหลักมากกว่าที่คาด 56% เนื่องจากผลขาดทุนของทั้ง CTI และ CPP ที่สูงกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญ
.
อย่างไรก็ตาม ประเมินไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มขาดทุนหลัก 1 -1.5 พันล้านบาท หรือแย่ลงจากไตรมาส 2/65 ที่มีกำไรหลัก 3.31 พันล้านบาท (จากทั้ง CPP และ CTI ที่มีแนวโน้มขาดทุนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน บวกกับราคาหมูไทยและไก่ไทยที่ปรับตัวลดลง)
.
แต่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66 จากช่วงไฮซีซั่นของการส่งออก ราคาหมูจีนที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 14-15 หยวนต่อกก. บวกกับราคาหมูเวียดนามที่ฟื้นตัวช้ามากโดยปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 54,000 ดองต่อกก. ส่งผลให้ฝ่ายวิเคราะห์อยู่ระหว่างทบทวนและปรับประมาณการกำไรหลักปี 2566 ลงจากเดิมอีกครั้ง
.
สำหรับคำแนะนำลงทุน แม้ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่ถูกมาก แต่มองว่าไม่ต้องรีบร้อนลงทุนในหุ้น CPF แต่อย่างใด ตราบใดที่ราคาหมูจีนและหมูเวียดนามยังคงไม่พื้นตัวแรง และราคาหมูไทยที่ยังคงอยู่ในช่วงขาลง ณ ปัจจุบัน