บล.โนมูระ พัมนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯคงน้ำหนักลงทุน Bullish กลุ่มการแพทย์ ปัจจุบันโรงพยาบาลที่ศึกษา 5 แห่ง รับรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และมีอัตราการเข้ารักษาสูงขึ้นในไตรมาส 2/64 ซึ่งเป็นผลของการระบาดระลอกเดือน เม.ย.64 จากการสอบถามกับโรงพยาบาล พบว่า บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) มีเตียง โรงพยาบาลสำหรับรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ราว 1,000 เตียง สัดส่วนราว 49% ของจำนวนเตียงทั้งหมด รองมาเป็น บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) มีเตียงราว 300 เตียง สัดส่วน 40%, บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) มีเตียงราว 100 เตียง สัดส่วน 33%, บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) มีเตียง 1,600 เตียง สัดส่วน 26% และบมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) มีเตียง 60 เตียง สัดส่วน 12%
ทำให้คาดว่า BDMS, BCH, CHG และ THG จะมีรายได้เสริมจากโควิด-19 เป็นสัดส่วนต่อรายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/64 รวมทั้งคาดว่าในไตรมาส 2/64 รายได้ของโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะเติบโตเด่น y-y และเติบโตต่อเนื่อง q-q ในเบื้องต้นคาดว่า BCH จะมีรายได้เสริมโควิด-19 เป็นสัดส่วนราว 42% ของรายได้ไตรมาส 2/64 รองมาได้แก่ CHG คาดมีสัดส่วน 17%, BDMS คาดมีสัดส่วนรายได้ 15% และ THG คาดมีสัดส่วนรายได้ 12%
พร้อมเลือก BDMS ราคาเป้าหมาย 27 บาท เป็นหุ้นเด่น เนื่องจากการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องของไทยเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับทั้งคนในประเทศและชาวต่างชาติกลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ และโรงพยาบาลเอกชน ที่มีฐานลูกค้าต่างชาติ จะได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ ทำให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติกลับมามากขึ้นในปี 65 และคาดปี 65 กำไรปกติรวมเติบโตสูงตามการเติบโตของ BDMS และ BH และการฟื้นตัวของ THG รวมทั้งมี upside จากรายได้บริการฉีดวัคซีนทางเลือก
อย่างไรก็ดี มองเป็น Slightly negative ระยะสั้นต่อกลุ่มโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่งดให้บริการตรวจชั่วคราว เนื่องจากคาดว่าช่วงไตรมาส 3/64 รายได้บริการตรวจคัดกรองของโรงพยาบาลจะลดลงจากไตรมาส 2/64 ซึ่งมียอดตรวจเฉลี่ยต่อวันเร่งตัวขึ้น สำหรับโรงพยาบาลที่ศึกษาฯ ให้บริการตรวจคัดกรองตามเกณฑ์ PUI ได้แก่ BDMS, BCH, CHG และ THG โดย BDMS งดให้บริการไปก่อนหน้า ส่วน THG จำกัดจำนวนให้บริการต่อวัน ขณะที่ BCH และ CHG ยังให้บริการตรวจคัดกรองปกติ ทำให้ BCH และ CHG จะมีผลกระทบต่อรายได้เสริมน้อยกว่าโรงพยาบาลอื่น