ห้องเม่าปีกเหล็ก

CPALL ไตรมาส 3/66 กำไรโต 20%

โดย ELEVEN7
เผยแพร่ :
180 views

CPALL ไตรมาส 3/66 กำไร 4.4 พันลบ.โต 20%

หลังต้นทุนทางการเงินลดลง

แถมร้านสะดวกซื้อ ค้าส่ง ค้าปลีก รายได้พุ่ง

.

CPALL เผยกำไรไตรมาส 3/66 ที่ 4.4 พันล้านบาท โตจากช่วงเดียวกัน 20.3% หลังต้นทุนและค่าใช้จ่ายทางการเงินลด ขณะที่งวด 9 เดือนปี 66 โกยไปกว่า 1.29 หมื่นล้านบาท โตจากช่วงเดียวกัน 28.1% รับกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นหนุนผลงานร้านสะดวกซื้อ

.

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯว่าในไตรมาส 3/66 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้อยู่ที่ 10,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

.

โดยบริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง 288 ล้านบาท จากการออกหุ้นกู้เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมก่อนกำหนดของบมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า เพื่อลดต้นทุนและความเสี่ยงในการบริหารค่าใช้จ่ายทางการเงิน ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเท่ากับ 4,424 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

.

ขณะที่รายได้รวมในไตรมาส 3/66 บริษัทมีรายได้รวม 226,427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและบริการของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค

.

รวมไปถึงธุรกิจสนับสนุนอื่นที่มีการเติบโตของรายได้จากการขายและบริการดีขึ้นเช่นกัน ตามการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก นอกจากนี้กลยุทธ์การตลาดและ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญในช่วงฤดูฝนนี้อีกด้วย

.

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวมอยู่ที่ 680,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น8.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 12,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อเป็นหลัก ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

.

ทั้งนี้ บริษัทวางแผนที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการ ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งรวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขาต่อเนื่องไปตามการขยายตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แหล่งท่องเที่ยวและทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่ (New Normal) และอำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด

.

โดยบริษัทวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขาในปี 2566 และมีเป้าหมายที่จะเปิดร้านสาขาในประเทศกัมพูชาให้ครบ 100 สาขา รวมถึงเปิดสาขาแรกใน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในปี 2566

.

สำหรับประมาณการรายได้จากการขายและบริการ อัตราการเติบโตของรายได้ ส่วนใหญ่มาจากอัตราการเติบโตของยอดขายจากร้านสาขาใหม่และอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม รวมถึงยอดขายจากช่องทางอื่นๆ อาทิ 7-Delivery, All Online และ Vending Machine ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP)

.

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อาทิ ระดับของอัตราเงินเฟ้อราคาวัตถุ ราคาพลังงาน และการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ เป็นต้น

.

ด้านประมาณการอัตรากำไรขั้นต้น บริษัทตั้งเป้าขยายอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเน้นการพัฒนาระบบในการคัดสรรสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นและผลักดันให้มีสัดส่วนของสินค้าที่กำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น ทั้งจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค

.

สุดท้าย ประมาณการงบลงทุน คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 12,000 –13,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ การเปิดร้านสาขาใหม่ราว 3,800 - 4,000 ล้านบาท, การปรับปรุงร้านเดิมราว 2,900 - 3,500 ล้านบาท, โครงการใหม่ บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้าราว 4,000 - 4,100 ล้านบาท และสินทรัพย์ถาวรและระบบสารสนเทศ ราว 1,300 - 1,400 ล้านบาท

 

 


ELEVEN7