ห้องเม่าปีกเหล็ก

ประเมินมูลค่าหุ้นแบบง่าย ๆ ด้วยเงินปันผล

โดย JomFolk
เผยแพร่ :
7,456 views

ประเมินมูลค่าหุ้นแบบง่าย ๆ ด้วยเงินปันผล - BillionMoney

 

 

การหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น เชื่อว่าเป็นเรื่องที่สร้างความปวดใจไม่น้อย สำหรับหลาย ๆ คน

เพราะเป็นเรื่องที่เราต้องใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ และทฤษฎีทางการเงินบางอย่าง มาช่วยในการคำนวณหามูลค่า

แถมวิธีในการประเมินมูลค่า ก็มีอีกหลากหลายวิธี

จนบางที เราก็อาจไม่รู้ว่า หุ้นตัวที่เราสนใจนั้น

ควรจะประเมินมูลค่าอย่างไร

แต่รู้หรือไม่ว่า มีอยู่วิธีหนึ่ง ที่สามารถช่วยเรา ในการประเมินมูลค่า ได้อย่างง่าย ๆ

เหมาะสำหรับหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีรายได้และกำไรเติบโต สามารถจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งวิธีนี้ก็คือ “การประเมินมูลค่าหุ้น ด้วยเงินปันผล”

หรือ Dividend Discount Model

หากอยากรู้ว่า วิธีการดังกล่าวน่าสนใจอย่างไร

BillionMoney จะมาสรุปให้ฟัง

พร้อมตัวอย่างในการคำนวณ เพื่อให้เราเข้าใจแบบง่าย ๆ และทำเองได้ด้วย

สำหรับการหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ด้วยเงินปันผลนั้น

สามารถหาได้จากสมการ ดังต่อไปนี้

มูลค่าที่แท้จริง = เงินปันผลปีล่าสุด x (1 + g) / (K - g)

โดยที่

- g = อัตราการเติบโตระยะยาวของบริษัท

- K = ผลตอบแทนที่เราคาดหวัง

เราอาจจะสงสัยว่า แล้วค่า g กับค่า K จะหามาจากไหน ?

โดยวิธีการในการคำนวณหาค่าทั้งสอง และการหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น จะสรุปได้ดังนี้

1. หาอัตราการเติบโตระยะยาวของบริษัท (g)

เราสามารถคำนวณหาค่า g ได้โดย

g = ROE x (1 - Payout Ratio)

โดยที่

- ROE คือ ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น

- Payout Ratio คือ อัตราการจ่ายปันผลจากกำไรสุทธิ

พูดง่าย ๆ ก็คือ การเติบโตของบริษัทขึ้นอยู่กับ กำไรหลังจากจ่ายปันผลออกไปแล้ว ซึ่งก็คือส่วนที่บริษัทเก็บไว้ลงทุน

และความสามารถของบริษัทว่า สามารถสร้างผลตอบแทนกลับมาให้ผู้ถือหุ้นได้มากน้อยแค่ไหน

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น จะขอใช้ข้อมูลของ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เป็นตัวอย่างในการคำนวณ

โดยในปี 2565 QH มี

- ROE เท่ากับ 9%

- Payout Ratio เท่ากับ 60%

ดังนั้น อัตราการเจริญเติบโตระยะยาว หรือค่า g ของ QH

เท่ากับเฉลี่ย 3.6% ต่อปี

2. หาผลตอบแทนที่เราคาดหวัง (K)

ในการคำนวณหาค่า K นั้น เราสามารถคำนวณได้จาก

K = Risk Free Rate + [ (Rm - Risk Free Rate) x Beta ]

โดยที่

- Risk Free Rate คือ ผลตอบแทนจากการลงทุนสินทรัพย์ ที่ปราศจากความเสี่ยง

โดยเราจะใช้ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3% ต่อปี

- Rm คือ ผลตอบแทนเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ในระยะยาว

โดย Rm ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เรากำหนดให้ อยู่ที่ประมาณเฉลี่ย 10% ต่อปี

- Beta คือ ค่าที่ใช้วัดผลตอบแทนของหุ้นแต่ละตัว

เมื่อเทียบกับ ผลตอบแทนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์

หรืออีกนัยหนึ่ง Beta ยังใช้วัดความเสี่ยงของหุ้นตัวนั้น เปรียบเทียบกับดัชนีได้อีกด้วย

ถ้า Beta มากกว่า 1 หมายความว่า หุ้นตัวนั้นมีความเสี่ยงมากกว่าดัชนี

ถ้า Beta น้อยกว่า 1 หมายความว่า หุ้นตัวนั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่าดัชนี

และถ้า Beta เท่ากับ 1 หมายความว่า หุ้นตัวนั้นมีความเสี่ยงเท่ากับดัชนี

ซึ่งเราสามารถหาค่า Beta ตรงนี้ได้จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดยค่า Beta ของ QH เท่ากับ 0.38

จะได้ว่า ค่า K หรือ ผลตอบแทนที่เราคาดหวัง

เท่ากับ 5.66% ต่อปี

3. คำนวณหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น

ในปีล่าสุด QH จ่ายปันผลที่ 0.14 บาทต่อหุ้น

อย่างที่กล่าวไปตอนต้น โดยเราสามารถคำนวณหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ได้จากสมการนี้

มูลค่าที่แท้จริง = เงินปันผลปีล่าสุด x (1 + g) / (K - g)

เมื่อคำนวณออกมาแล้ว QH จะมีมูลค่าที่แท้จริง

ราว 7.04 บาทต่อหุ้น

ต่อมาเราก็นำมูลค่าที่เราประเมินผ่านวิธีการนี้

ไปเทียบกับราคาในตลาดว่า มีการซื้อขายสูงหรือต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมากน้อยแค่ไหน

อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราคงเข้าใจวิธีการประเมินมูลค่าหุ้น ด้วยเงินปันผลกันไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เองก็มีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน

เพราะถ้าเราคำนวณมาแล้วพบว่า (K - g) เกิดติดลบขึ้นมา ก็จะทำให้มูลค่าที่แท้จริงติดลบตามไปด้วย

โดยเราสามารถปรับค่า g ให้มีความสมเหตุสมผล

ซึ่งอาจจะกำหนดให้ค่า g = 3% ซึ่งเท่ากับอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ GDP ประเทศไทย ในระยะยาวก็ได้

และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ วิธีนี้ไม่เหมาะกับการประเมินมูลค่าหุ้น ที่ไม่เคยจ่ายเงินปันผลเลย หรือจ่ายเงินปันผลไม่สม่ำเสมอ

ดังนั้น การประเมินมูลค่าด้วยวิธีนี้ จึงต้องเป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอด้วย

สุดท้ายนี้ แน่นอนว่าวิธีการประเมินมูลค่าหุ้น มีหลากหลายวิธี เช่น การประเมินมูลค่าด้วย P/E และ P/BV เป็นต้น

ซึ่งเราอาจจะใช้วิธีอื่น ๆ มาช่วยในการประเมินมูลค่า

เพื่อให้เห็นภาพการประเมินมูลค่ามากขึ้นด้วยก็ได้

แต่ที่สำคัญที่สุด เราควรที่จะต้องเข้าใจในตัวธุรกิจของบริษัท ก่อนที่จะประเมินมูลค่าทุกครั้ง

เพื่อให้เราไม่ติดกับดักอยู่กับการคำนวณหามูลค่า แต่ไม่ได้เข้าใจในคุณภาพที่แท้จริงของกิจการเลยนั่นเอง..

หมายเหตุ: บทความนี้ ไม่ได้เป็นการชี้นำให้ใครซื้อหุ้นตามตัวอย่างที่ใช้ในบทความ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล ก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

 

References

-หนังสือ เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน ตอน มหัศจรรย์ผลตอบแทน (2559) โดย กวี ชูกิจเกษม

-https://www.set.or.th/th/market/product/stock/quote/QH/price

 

 


JomFolk