ห้องเม่าปีกเหล็ก

คลังยอมรับรายได้ปี 68 จ่อต่ำเป้า

โดย INVESTING
เผยแพร่ :
55 views

คลังยอมรับรายได้ปี 68 จ่อต่ำเป้าหมื่นล้าน พิษเศรษฐกิจซบ-ภาษีรถยนต์วูบ

 

  • กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่ารายได้รัฐบาลปีงบประมาณ 2568 จะจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นจำนวนหลักหมื่นล้านบาท
  • สาเหตุหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวชะลอลง และการจัดเก็บภาษีรถยนต์ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
  • การปฏิรูปโครงสร้างภาษีถูกยกขึ้นมาพิจารณาเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว เช่น การปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

 

แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้รัฐบาลในปีงบประมาณ 2568 มีแนวโน้มจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในเอกสารงบประมาณที่ 2.88 ล้านล้านบาท เป็นจำนวนหลักหมื่นล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ชะลอตัวลง ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดการณ์ว่าจะเติบโตเพียง 2.2% ตลอดทั้งปี

ปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งการจัดเก็บรายได้มาจากภาษีหลายประเภทที่จัดเก็บได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาษีรถยนต์ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของรัฐบาล และปริมาณรถยนต์สันดาปที่ชำระภาษีมีจำนวนน้อยกว่าคาดการณ์

รวมทั้ง ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการนำเข้า และ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ก็เผชิญความท้าทายเช่นกัน เนื่องจากภาคธุรกิจหันไปใช้สิทธิประโยชน์ในเขตปลอดอากรมากขึ้น ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ที่เติบโตได้ไม่เต็มศักยภาพตามภาวะเศรษฐกิจ

เปิดตัวเลข 10 เดือนแรกยังห่างไกลเป้า

รายงานผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 2567 – ก.ค. 2568) ระบุว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิรวม 2,250,117 ล้านบาท แม้จะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.8% หรือ 40,827 ล้านบาท แต่ยังคงต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ถึง 37,637 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.6%

เมื่อพิจารณาการจัดเก็บของ 3 กรมภาษีหลัก พบว่าทุกหน่วยงานจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายทั้งหมด ได้แก่

  • กรมสรรพากร จัดเก็บได้ 1,824,453 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 11,910 ล้านบาท (0.6%)
  • กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้ 446,728 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าถึง 56,260 ล้านบาท (11.2%)
  • กรมศุลกากร จัดเก็บได้ 95,261 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 6,339 ล้านบาท (6.2%)

รัฐวิสาหกิจ-ส่วนราชการอื่น

อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณบวกจากการนำส่งรายได้ของ รัฐวิสาหกิจ ที่ทำผลงานได้โดดเด่น โดยนำส่งรายได้รวม 156,996 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการถึง 17,020 ล้านบาท (12.2%) เช่นเดียวกับ ส่วนราชการอื่น ที่จัดเก็บรายได้รวม 151,150 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 17,393 ล้านบาท (13.0%) ซึ่งช่วยพยุงภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล

ทั้งนี้ แหล่งข่าวได้ให้ความเชื่อมั่นว่า แม้การจัดเก็บรายได้จะต่ำกว่าเป้าหมาย แต่กระทรวงการคลังได้เตรียมแนวทางรองรับไว้แล้ว และจะสามารถบริหารจัดการเพื่อปิดหีบงบประมาณได้ภายในวันที่ 30 ก.ย. 2568 โดยอาศัยเครื่องมือทางการคลังและสภาพคล่องจากเงินคงคลังที่มีอยู่เพียงพอ โดยไม่จำเป็นต้องมีการกู้เงินเพิ่มเติม ทั้งนี้ปัจจุบันรัฐบาลมีเงินคงคลังอยู่ที่ 4.05 แสนล้านบาท

ดันปฏิรูปภาษี แก้ปัญหารายได้ระยะยาว

จากความท้าทายในการจัดเก็บรายได้ดังกล่าว ทำให้ประเด็น การปฏิรูปโครงสร้างภาษี ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยที่ผ่านมาสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เคยผลักดันเรื่องดังกล่าวไว้ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพทางการคลังและสร้างความเป็นธรรมในระบบ

รายงานจาก สศค. ระบุว่า อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของไทยที่จัดเก็บในอัตรา 7% ยังถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ไม่ใช่ผู้ส่งออกพลังงาน ขณะที่ประสิทธิภาพการจัดเก็บ VAT ต่อการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จาก 4.6% ในปี 2558 เหลือเพียง 4.0% ในปี 2567 ซึ่งเป็นผลมาจากการรั่วไหลของฐานภาษีที่อยู่นอกระบบ และการขยายตัวอย่างรวดเร็วของการค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ด้วยเหตุนี้ แนวคิดการปรับขึ้นอัตราภาษี VAT จึงเป็นหนึ่งในข้อเสนอที่ถูกนำมาพิจารณา โดยมีการประเมินว่า การขึ้น VAT ทุก 1% จะสร้างรายได้ให้รัฐเพิ่มขึ้นถึง 70,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำไปใช้สนับสนุนกลุ่มเปราะบางและลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นได้

นอกจากนี้ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญ โดยการจัดเก็บของไทยยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มถึง 0.5% ของ GDP จากข้อมูลของ สศค. พบว่า ในประเทศไทยมีผู้ที่ยื่นแบบและมีภาระต้องจ่ายภาษีจริงเพียง 10% ของผู้ยื่นแบบทั้งหมด ขณะที่อีก 17% ยื่นแบบแต่ไม่ต้องเสียภาษี และน่ากังวลที่สุดคือ ประชากรในวัยทำงานที่มีรายได้ส่วนใหญ่ถึง 73% ยังคงไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการ หรืออยู่นอกระบบภาษี

 

 

ที่มา.  https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1199407

 


INVESTING