เปิดเป้ากำไร "หุ้นน้ำมัน-โรงกลั่น" ปี 66 หลังราคาน้ำมันดิ่งแรง

ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ประเดิมต้นปีแค่ 2 วันทำการก็ปรับตัวลงแรงโดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 5.3% ในวันพุธ (4 ม.ค.66) ปิดที่ 72.84 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ดิ่งลง 4.26 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 77.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่รวม 2 วัน สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลงแล้วประมาณ 7.62 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -9.5% โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากความกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกและการพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีน รวมถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
.
นายปรินทร์ นิกรกิตติโกศล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่าประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกปี 66 จะย่อตัวลงจากปี 65 เพราะความต้องการ (ดีมานด์) ที่ลดลง หลังจากมีแรงกดดันจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่จะชะลอตัว และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจีน รวมถึงราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง
.
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยตั้งสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบปีนี้ไว้ที่ระดับ 85 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่เฉลี่ยอยู่ระดับ 96-97 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยยังไม่ได้มีการปรับสมมุติฐานราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้ลดลง แม้ราคาปัจจุบันจะร่วงลงไปแถวระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลแล้ว เนื่องจากระยะสั้นคาดว่าราคาน้ำมันคงยืนต่ำกว่าระดับดังกล่าวแล้ว เพราะสหรัฐฯเคยประกาศจะเข้าซื้อน้ำมันเข้าคลังแถวบริเวณ 70-75 ดอลลาร์/บาร์เรล
.
ขณะที่คาดว่าแนวโน้มกำไรของกลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่นปี 66 ส่วนใหญ่น่าจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะแนวโน้มราคาพลังงานที่เริ่มอ่อนตัวลง พร้อมแนะนำในช่วงระยะกลางถึงยาว หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าดูน่าสนใจมากกว่ากลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่น เพราะได้ประโยชน์จากต้นทุนราคาพลังงานที่ลดลงแรง
.
ด้านนางนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่าฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองที่คาดทิศทางราคาน้ำมันจะมี downside มากกว่า upside เพราะถูกกดดันจากดีมานด์ที่ชะลอตัวตามเศรษฐกิจ โดยกำหนดสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 66 อยู่ที่ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล และระยะยาวตั้งแต่ปี 67 เป็นต้นไปอยู่ที่ 75 ดอลลาร์/บาร์เรล จากสถานการณ์สงครามที่จะทยอยกลับสู่ภาวะปกติ,ความกังกวลด้าน supply ผ่อนคลาย รวมถึงกลุ่ม OPEC คาดกลับมาทยอยผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับก่อนเกิดโควิด อีกทั้งยังมีเรื่อง recession ของเศรษฐกิจโลกมาเป็นอีกแรงกดดันความต้องการใช้ที่สำคัญ
.
ขณะที่ในส่วนของค่าการกลั่นนั้น ภาพรวมในปี 66 กำหนดสมมติฐานไว้ที่ 7-8 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่เคยพีคระดับ 20 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงไตรมาส 2/65 และจะส่งผลให้กำไรของกลุ่มโรงกลั่นและหุ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันปีนี้อ่อนตัวตามไปด้วย
.
ฟากนายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่ายังไม่ได้มีการปรับสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบปีนี้ลง เพราะเพิ่งเข้าสู่ช่วงต้นปีและยังพอมีเวลาติดตามสถานการณ์อีกค่อนข้างมาก โดยปัจจุบันฝ่ายวิจัยยังคงเป้าน้ำมันดิบเบรนท์ปี 66 ที่ระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากำไรสุทธิของกลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่นปีนี้อาจสู้ปีก่อนไม่ได้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่อยู่ในช่วงขาลง ซึ่งอาจให้กลุ่มโรงกลั่นมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ซึ่งสวนทางกับปีก่อนที่ส่วนใหญ่มักมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน
***********************************