บริหารสินทรัพย์ไนท คลับฯ(KCC)`เคาะราคาไอพีโอ 3.70 บ.จอง 22-26เม.ย.นี้

นางสุพัตรา ภู่พัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหรือ Lead Underwriter บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC เปิดเผยในงานโรดโชว์ ว่า KCC กำหนดราคาขายไอพีโอที่ 3.70 บาท/หุ้น
.
โดยราคาดังกล่าวถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV) ที่ 5.00 เท่า โดยคำนวณจากมูลค่าทางบัญชีสุทธิสิ้นสุดปี 64 ของบริษัทฯ ซึ่งเท่ากับ 460.61 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้เท่ากับ 620 ล้านหุ้น จะได้มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นเท่ากับ 0.74 บาท
.
ทั้งนี้จะเปิดให้ประชาชนจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 22, 25-26 เม.ย.65 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประมาณต้นเดือนพ.ค.ในหมวดกลุ่มธุรกิจการเงิน ใช้ชื่อย่อ KCC โดยเชื่อว่าการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก
.
ด้านนายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KCC เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 ปีนี้ บริษัทฯ ยังมีโอกาสเติบโตเนื่องจากวางแผนการเข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPLs) ซึ่งจะออกมาเปิดประมูลขายในปริมาณที่เพิ่มขึ้น และหากดูตัวเลขจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุดพบว่า NPLs ทั้งระบบมีกว่า 5 แสนล้านบาท
.
ซึ่งปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าใช้เงินลงทุน 800 ล้านบาทเพื่อเข้าซื้อมูลหนี้เพิ่ม จากสิ้นปี 64 บริษัทฯ มีพอร์ตหนี้ NPLs ที่ 565.57 ล้านบาท ส่วนอนาคตนักลงทุนที่จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น ซึ่ง KCC จะเป็นทั้งหุ้นเติบโตและหุ้นปันผลโดยบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ
.
สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินจากการระดมทุนประมาณ 592 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการจัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย นำไปชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และ/หรือชำระหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดที่ออกโดยบริษัทฯ และ/หรือภาระหนี้สินอื่นใดของบริษัทฯ รวมถึงเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทและเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต
.
ทั้งนี้ KCC อยู่ในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) มานานกว่า 20 ปี มีความเชี่ยวชาญในการซื้อหนี้ โดยเฉพาะลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจที่มีสัดส่วนกว่า 60.22% และลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย 39.78% ของเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับสุทธิและในทุกๆ ขั้นตอนของการเข้าไปซื้อหรือประมูล NPLs จะดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะราคาของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่จะได้มาคือประเด็นสำคัญมาก ซึ่งถ้าหากซื้อผิดราคาจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
.
ดังนั้นเรื่องราคาจึงเป็นหัวใจของการเข้าซื้อหรือเข้าประมูลหนี้และทุกๆ ครั้งของการเข้าไปซื้อหนี้ โดยบริษัทฯ จะตั้งทีมเพื่อเข้าไปทำ Due Diligence เพื่อทำการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลลูกหนี้ ให้ครอบคลุมทุกๆ ด้าน รวมถึงการจัดทำประมาณการกระแสเงินสดสุทธิที่คาดว่าจะได้รับจากลูกหนี้ในอนาคต เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดราคาซื้อที่เหมาะสมให้ได้ผลตอบแทนเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายทวี กล่าว
.
ส่วนนายวัชรินทร์ เลิศสุวรรณกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน KCC เปิดเผยว่า KCC มีจุดแข็ง 4 ด้านได้แก่ ผู้บริหารมีความชำนาญในธุรกิจบริหารหนี้โดยเฉพาะ , เป็นบริษัทที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับ 89% ซึ่งถือว่าสูงกว่าบริษัทในอุตสาหกรรมธุรกิจ AMC , KCC มีความถนัดในการบริหารหนี้สินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นหนี้ก้อนใหญ่ใช้บุคลากรไม่มากคุมต้นทุนได้ และเป็นบริษัทที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.63 เท่า
.
นอกจากนี้หากดูผลดำเนินงานย้อนหลังพบว่า KCC มีรายได้และกำไรเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยช่วงปี 62-64 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 57.10 ล้านบาท 128.10 ล้านบาทและ125.75 ล้านบาท ตามลำดับและมีกำไรสุทธิเท่ากับ 12.03 ล้านบาท 49.06 ล้านบาท และ52.42 ล้านบาท ตามลำดับ
