ห้องเม่าปีกเหล็ก

บทความสำหรับมือใหม่ตอน 3 โดย เซียน ฮง สถาพร

โดย คนเล่นหุ้น
เผยแพร่ :
52 views

หัวข้อสำหรับมือใหม่ภาคที่ 3

มีคนรู้จักมาถามผมว่าการลงทุนถ้าเค้าคาดหวังให้เขามีกำไรเป็นประจำทุกเดือนผมมีความคิดเห็นว่าอย่างไร ผมก็เลยตอบเขาไปว่าการลงทุนไม่ได้มีธรรมชาติแบบนั้น การได้รายได้ประจำเป็นธรรมชาติของคนที่ทำงานประจำหรือเก็บดอกเบี้ยกินค่าเช่ามากกว่าไม่ใช่จากการลงทุนในหุ้น ยกเว้นว่าคำนวณไว้ว่าได้เงินปันผลต่อปีเท่าไหร่แล้วหารเฉลี่ยว่ามีรายได้จากเงินปันผลใช้ต่อเดือนเท่าไหร่อันนั้นถึงจะคำนวณได้แต่ถ้าส่วนต่างจากราคาหุ้นไม่มีทางที่จะประเมินได้ว่าจะได้ต่อเดือนเท่าไหร่ ดีไม่ดีบางเดือนขาดทุนด้วยซ้ำ ผมไม่แน่ใจว่ามีคนคิดแบบเพื่อนผมคนนี้อีกมากน้อยแค่ไหนก็เลยเป็นที่มาของบทความนี้

คำเตือน หุ้นที่ผมยกตัวอย่างทั้งหมดในบทความนี้เป็นหุ้นที่ผมเคยซื้อและขายไปแล้วไม่ได้ติดชื่อผู้ถือหุ้นแล้วในตอนนี้ ดังนั้นเป็นการเขียนเพื่อให้เห็นภาพจากบทความเท่านั้น

 

สิ่งที่การลงทุนแตกต่างจากงานประจำคือการลงทุนมันไม่สนว่าคุณจะใช้เวลากับมันมากน้อยแค่ไหน การลงทุนถ้าคุณทำมันได้แย่ต่อให้คุณใช้เวลาในการดูราคาหุ้นและนั่งติดตามข่าวสารทั้งวัน คุณก็จะขาดทุนไปตลอดซึ่งแตกต่างจากการที่คุณใช้แรงงานในการทำงานประจำซึ่งคุณก็จะได้ผลตอบแทนตามที่ตกลงกับบริษัทไว้

 

ผมยกตัวอย่างตัวของผมในปีที่แล้ว(2020)สี่เดือนแรกค่อนข้างเป็นช่วงเวลาที่หฤโหดมากช่วงที่ผมท้อใจอยู่ช่วงหนึ่งตอนที่หุ้นเซอร์กิตเบรค เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากพอสมควรสำหรับผม ครึ่งปีแรกพอร์ตของผมติดลบและในจุดต่ำสุดของช่วงเดือน 3-4 ในปี 2020 พอตผมลดจากปลายปี 2019 ประมาณ 40 ถึง 45% ตอนนั้นผมไปออกรายการเวลมีอัพพอดีคุณเฟิร์นที่เป็นพิธีกรถามว่าพอร์ตผมเสียหายเยอะไหม ผมก็บอกเค้าไปว่าติดลบประมาณนี้และผมก็บอกไปว่าผมเชื่อว่าหลังจากนั้นพอร์ตของผมจะทำจุดสูงสุดใหม่

แล้วพอร์ตของผมก็ทำจุดสูงสุดใหม่ในการลงทุนได้ในช่วงไตรมาสสี่ของปี 2020 โดยหุ้นที่ทำกำไรได้หลักๆในตอนนั้นคือ ivl และตัวอื่นๆหลายตัวเช่น ner noble rcl scgp thre

 

ประเด็นที่ผมอยากสื่อคือแม้ว่าปีที่แล้วพอร์ตของผมจะ +แต่ว่าช่วงขึ้นอย่างมีนัยยะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ตรงข้ามสี่เดือนแรกที่ค่อนข้างย่ำแย่มาเกือบครึ่งปี ผมถึงไม่เคยคิดว่าการลงทุนเป็นรายได้ประจำคุณอาจจะขาดทุนอยู่หลายเดือนแล้วคุณก็อาจจะพลิกสถานการณ์มากำไรม้วนเดียว ทำให้การขาดทุนกลายเป็นกำไรโดยรวมได้ แต่มันไม่ใช่ว่าผมกำไรในหุ้นทุกเดือนเท่ากันเหมือนได้เงินเดือนประจำ(ปีนี้สถานการณ์ค่อนข้างตรงข้ามกับปีที่แล้วคือสามเดือนแรกของปีค่อนข้างดีมากหลังจากนั้นค่อนข้างจะทรงทรงลงลง) สิ่งที่ผมต้องการสื่อคือความยากของการลงทุนในช่วงเวลาที่คุณย่ำแย่คุณยังเชื่อหรือเปล่าว่าคุณมีศักยภาพพอที่จะดียิ่งกว่าจุดที่คุณเคยเป็น

ถ้าในช่วงที่ย่ำแย่ถ้าคุณเริ่มไม่มั่นใจในความสามารถตัวเองผมว่านั่นจะทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมากลายเป็นหนังคนละม้วน ดังนั้นการอยู่ในสภาพแวดล้อมของคนที่มองโลกในแง่บวกเป็นเรื่องสำคัญมาก

ประเด็นต่อมาคือคุณก็ต้องมีความสามารถที่จะทำให้พอร์ตนิวไฮได้จริงด้วยไม่ใช่คุณแค่นั่งนั่งนอนนอนแล้วก็เชื่อว่าถ้าตัวเองเชื่อจะทำให้ตัวเองพอร์ทนิวไฮได้ ผมเชื่อเรื่องของการลงมือทำไม่เชื่อในเรื่องของการคาดหวังลมๆแล้งๆ

การลงทุนคนมักพูดแค่ว่าต้องทำยังไงเพื่อหาหุ้นได้ดีแต่ประเด็นก็คือแล้วช่วงเวลาที่ไม่ดีมีกี่คนที่ถอดใจแล้วล้มเลิกไปแล้วไม่ได้กอบโกยกลับมา
ข้อแนะนำของผมสำหรับนักลงทุนมือใหม่ถ้าอยากกำไรระยะยาวให้คุณคิดไว้เลยว่าการลงทุนในหุ้นจะต้องมีช่วงเวลาที่ยากลำบากและการที่คุณขาดทุนในบางครั้งไม่ได้หมายความว่าคุณแพ้ มีคำกล่าวว่าแพ้ศึกได้แต่ขอให้ชนะสงคราม หมายความว่าการเล่นหุ้นหลายตัวคุณอาจจะมีลงทุนผิดพลาดบ้าง แต่ครั้งที่ผิดพลาดการขาดทุนเป็นเปอร์เซ็นต์ขอให้น้อยหรือเป็นสัดส่วนที่ไม่ได้ลงอย่างมีนัยยะ แต่ครั้งที่ได้กำไรให้ได้มากกว่าเปรียบเหมือนกับคุณอาจจะรบแพ้ในบางเมืองแต่สุดท้ายชนะสงครามโดยรวมคุณยึดพื้นที่มาได้เยอะกว่าแม้ว่าอาจจะเสียพื้นที่บางส่วนไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วคือภาพใหญ่คุณชนะ แพ้ศึกในบางเมืองแต่ไม่ได้เสียเอกราช ดังนั้นเวลาคุณเป็นนักลงทุนมือใหม่แล้วคุณเลือกหุ้นบางตัวในพอร์ตผิดพลาด คุณควรจะมองภาพรวมของพอร์ตทั้งหมดมากกว่ามองแค่หุ้นตัวที่ขาดทุนสมมุติว่าจบปีคุณทำผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายระยะยาวแล้วผลตอบแทนของคุณชนะตลาดผมคิดว่าการมีหุ้นที่แพ้บ้างในพอร์ตไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ผมยังนึกถึงตอนที่ผมขาดทุนครั้งแรกแรกตอนผมอยู่มหาลัยความรู้สึกมันเลวร้ายสิ้นหวังหดหู่มาก ถามว่าทุกวันนี้บางครั้งเวลาขาดทุนยังรู้สึกแย่ไหมก็ยังมีรู้สึกแย่บ้าง แต่ไม่ได้รู้สึกรุนแรงเท่าสมัยก่อนเหมือนรูปที่อยู่ด้านล่าง( credit ภาพจากใน fb ขออภัยจำเพจไม่ได้) ดังนั้นสำหรับมือใหม่หลายคนที่ท้อแท้ในช่วงนี้คุณเข้าใจไว้เลยครับว่าการขาดทุนเป็นส่วนนึงของการลงทุน

 

ประเด็นต่อมาคือคำคมคำหนึ่ง ที่มีคุณค่ามากก็คือการลงทุนในตัวเองเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ผมยกตัวอย่างของตัวเองเพื่อให้เห็นภาพสมัยประมาณปี 2008 ผมเคยมีโอกาสไปอบรมเกี่ยวกับการวิเคราะห์หุ้นอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกับ tvi ตอนนั้นจริงๆแล้วผมไม่ได้ไปอบรมเพราะผมคิดว่าหุ้นปิโตรจะดีนะเพราะตอนนั้นหุ้นปิโตรกำลังจะเข้าสู่ขาลงมากกว่า เพราะมันดีมาหลายปีมากแล้ว ผมแค่อยากรู้ว่าหุ้นกลุ่มนี้ต้องวิเคราะห์ยังไง ไม่ต้องทำกำไรก็ได้แต่เราอยากวิเคราะห์ให้เป็น ไม่น่าเชื่อว่าการลงทุนทางความรู้ตัวเองในวันนั้นจะทำให้ในอนาคตต่อมาผมมีโอกาสได้ซื้อหุ้นเปลี่ยนชีวิตของผมคือ ptl ในตอนปี 2010 และมีโอกาสซื้อหุ้น ivl และ ivl-w2ในช่วงปลายปี 17 และยังได้ลงทุน ivl แถว 23 ตอนปี 2020 เรียกว่าได้กำไรจากหุ้นกลุ่มนี้แบบมีนัยยะกับพอร์ตการลงทุนมากๆ

ดังนั้นถ้าคุณหวังจะให้การลงทุนเลี้ยงชีพได้คุณต้องลงทุนในความรู้ของตัวคุณเองให้มากถึงมากที่สุดแล้ววันหนึ่งความรู้บางอย่างที่คุณลงทุนไว้จะสามารถได้ผลตอบแทนกลับมาคุ้มค่าอย่างที่คุณคาดไม่ถึง

แต่แน่นอนว่ามีความรู้อีกเยอะมากๆที่ผมลงทุนไปแล้วผมไม่ได้ใช้ทำเงินได้ ยกตัวอย่างเช่นความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ หรือความรู้เกี่ยวกับหุ้นประกันชีวิต ที่ผมศึกษานานมากๆและเคยทุ่มเล่นไปแต่ขายขาดทุนออกมา เพราะงบที่ประกาศออกมาผิดจากที่คาดเอาไว้อย่างมีนัยยะ หรือหุ้นโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ผมใช้เวลานั่งศึกษานานมาก แต่ราคาที่ผมซื้อก็อาจจะเป็นราคาที่ตลาดมีความคาดหวังในอนาคตไปเยอะมาก และโครงการของบริษัทหลังจากนั้นก็ได้ค่าไฟที่ต่ำกว่าโครงการแรกแรกอย่างมีนัยยะทำให้มาจิ้นลดลง ผมก็ขายขาดทุนไปหลาย 10% ดังนั้นผมก็ไม่รู้ว่า องค์ความรู้ไหนบ้างจะทำเงินได้ เวลาที่คุณพยายามหาความรู้เป็นเวลานานและลงทุนไปแล้วได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม คุณจะรู้สึกว่าโลกนี้มันโหดร้าย มันเปรียบเหมือนกับว่าคุณตั้งใจทำงานเต็มที่แต่พอคุณจะเบิกค่าแรงบริษัทปิดตัวหนีไป

ดังนั้นผมเองต่อให้ลงทุนในความรู้ตัวเองมามากแค่ไหน ผมก็ยังคงมีหุ้นที่ซื้อแล้วขาดทุน ผมไม่ใช่เทพเทวดาที่ไหนที่จะซื้อขายหุ้นทุกครั้งแล้วไม่ขาดทุน ดังนั้นการมีความรู้และมีวินัยทางการลงทุนอาจจะเป็นตัวการันตีว่าระยะยาวพอร์ตของคุณจะนิวไฮได้แต่ไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าคุณจะไม่มีการขาดทุนเกิดขึ้นในพอร์ต

 

เหตุผลของการที่มีความรู้แล้วยังขาดทุนได้มีหลายอย่างยกตัวอย่างเช่นความรู้ที่คุณมีจริงๆแล้วคุณไม่ได้รู้อย่างถ่องแท้ทำให้เวลาคุณประเมินกิจการคุณประเมินแบบผิดสมมุติฐานต่อสภาวะความเป็นจริงปรากฏขึ้นคุณก็ขาดทุน เช่นตอนที่ผมขาดทุนหุ้นประกันชีวิตเมื่อหลายปีก่อน
หรือคุณอาจจะประเมินถูกแต่มีสถานการณ์บางอย่างที่เกินคาดมาทำให้คุณผิด เช่น มีใครคาดคิดว่าจะมีโรคระบาดขนาดนี้จนกระทั่งคนออกจากบ้านไม่ได้แล้วหลายกิจการก็ต้องกระทบอย่างหนักตรงนี้ต่อให้คุณเข้าใจกิจการดีคุณก็ขาดทุน

บริษัททำผลงานได้แย่กว่าที่คุณคิดเกิดจากสภาพการแข่งขันที่รุนแรงกว่าที่คิด หรือ ผบห แย่กว่าคิด อันนี้ก็มีหลายตัวที่หลังจากผมซื้อไปบริษัทและผู้บริหารทำผลงานได้แย่ผมก็ขาดทุน

บทความซีรี่ย์สำหรับมือใหม่ภาคต่อไปจะเป็นภาคสุดท้ายแล้วนะครับ


คนเล่นหุ้น