ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงเวลาของปิศาจ ไร้ผู้คุมกฎปล่อยผู้ถือหุ้นโดดเดี่ยว

.
ตลาดหุ้นไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติความเชื่อมั่นครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เมื่อเจอกรณีการทุจริตใน บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ที่เริ่มมีปัญหาไม่ส่งงบการเงินปี 2565 และทำให้กระทบการผิดนัดชำระหุ้นกู้ และในท้ายที่สุด ถูกเฉลยด้วยการรายงานงบการเงินปี 2565 ที่ขาดทุนมากกว่า 6,612 ล้านบาท พร้อมแก้ไขงบปี 64 พลิกขาดทุน 5,965 ล้านบาท โดยมีการโยกเงินออกจากบริษัทไปยังบริษัทลูก สร้างบาดแผลให้กับเศรษฐกิจไทยมากกว่าแสนล้านบาท
.
ซึ่ง STARK ไม่ใช่หลักทรัพย์แรกที่มีปัญหา ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นไทยเจอความท้าทายจากกรณีของหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ที่พยายามปล้นเงินโบรกเกอร์ และในเร็วๆ นี้ยังมีกรณีของหุ้น บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO ที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างผิดปกติ ก่อนจะมีแรงเทขายออกมาจากกลุ่มเดียวกันจนหุ้นแทบล่มสลาย ซึ่งภาวะวิกฤติครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.ล.ต.คนใหม่ ที่ทำหน้าคุมกฎตลาดทุน รวมถึงอยู่ระหว่างการเปลี่ยนรัฐบาล กลายเป็นช่องว่างครั้งสำคัญที่ไม่มีใครดูแลตลาดทุน ทำให้เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ผู้ไม่หวังดีกับตลาดทุนออกอาละวาด หรือเรียกว่าเป็นช่วงเวลาของปิศาจก็ว่าได้
.
วิกฤติ STARK ความเสียหาย 1.5 แสนล้านบาท
.
ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยกับ ThairathMoney ว่า ช่วงเวลาของตลาดหุ้นในเวลานี้นั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นช่วงเวลาของปิศาจอย่างแท้จริง เพราะหากดูในรายละเอียดเราจะพบว่า เวลานี้ไม่มีใครดูแลนักลงทุนรายย่อย ตอนนี้ผู้คุมกฎอย่างเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการสรรหา ในขณะที่ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลอีกด้วย
.
“ตลาดหุ้นไทยในเวลานี้เป็นช่วงสุญญากาศอย่างชัดเจน เราอยู่ระหว่างการสรรหาเลขาธิการ ก.ล.ต. ผู้ที่รักษาการอยู่ในเวลานี้ก็เหมือนจะไม่ทำอะไร ในขณะที่เป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล รัฐบาลรักษาการก็ไม่กล้าที่จะทำอะไร ทำให้เวลานี้ทุกอย่างดูหยุดนิ่งไปหมด”
.
คลิกอ่านต่อ
https://www.thairath.co.th/money/investment/stocks/2703166