หยวนแข็ง หุ้นจีนพุ่ง? Goldman ฟันธง เกมพลิกของตลาดเอเชีย
ในขณะที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตามองความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
หนึ่งในสัญญาณที่อาจเปลี่ยนเกมการลงทุนในเอเชียกลับถูกมองข้ามไปอย่างเงียบ ๆ นั่นคือ “การแข็งค่าของหยวน”

Goldman Sachs เพิ่งออกบทวิเคราะห์ที่น่าจับตา โดยระบุว่าทุก ๆ การแข็งค่าของหยวน 1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จะช่วยหนุนราคาหุ้นจีนให้ขยับขึ้นเฉลี่ยถึง 3%
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน แต่คือกลไกสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรของบริษัท ต้นทุนการนำเข้า และที่สำคัญคือความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ
เบื้องหลังการแข็งค่าของหยวนในช่วงนี้มาจากหลายปัจจัยผสมผสานกัน ทั้งการแทรกแซงโดยตรงของธนาคารกลางจีนผ่านการตั้งค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยน
รวมถึงนโยบายการลดดอกเบี้ยที่ทำอย่างระมัดระวังเพื่อประคองเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ภาคส่งออกของจีนก็ยังคงแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาด แม้จะถูกล้อมด้วยมาตรการภาษีจากฝั่งตะวันตก
Goldman ยังให้มุมมองที่น่าสนใจว่า หยวนในปัจจุบันยังถือว่า "ต่ำกว่าความเป็นจริง" อยู่พอสมควร โดยเมื่อเทียบกับตะกร้าค่าเงินหลักในเชิง real trade-weighted แล้ว ยังอ่อนกว่าราว 15%
ซึ่งทำให้มีช่องว่างในการแข็งค่าขึ้นอีกพอสมควร หากเศรษฐกิจจีนสามารถสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้
ในด้านตลาดหุ้น กลุ่มที่ได้รับอานิสงส์มากที่สุดจากหยวนแข็งได้แก่ หุ้นที่พึ่งพากำลังซื้อในประเทศ เช่น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อสังหาริมทรัพย์ และเทคโนโลยี
โดยเฉพาะเทคฮาร์ดแวร์ที่ใช้ชิ้นส่วนจากต่างประเทศ เมื่อหยวนแข็ง ต้นทุนก็ลดลง เพิ่มกำไรทันทีโดยไม่ต้องขายของเพิ่มแม้แต่นิดเดียว
ข้อมูลจาก Goldman ยังเผยอีกว่า พวกเขาได้ปรับเป้า MSCI China ในระยะ 12 เดือนจาก 78 เป็น 84
และคาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจีนในปี 2025-2026 จะเร่งตัวขึ้นจาก 6-7% ไปแตะระดับ 9% ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจต่อทิศทางเศรษฐกิจจีนมากขึ้น
ในแง่ของอัตราแลกเปลี่ยน Goldman ปรับคาดการณ์ใหม่ โดยคาดว่าภายใน 12 เดือนข้างหน้า หยวนจะอยู่ที่ 7.00 ต่อดอลลาร์ (จากเดิม 7.35) โดยในระยะสั้น 3 เดือนคาดที่ 7.20 และลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หยวนแข็งค่าขึ้นกว่า 1.4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับแข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และตลาดก็เริ่มตอบสนองทันที
โดยดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 7 สัปดาห์ซ้อน แม้จะมีแรงกดดันจากประเด็นภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ กำลังพิจารณาอยู่ก็ตาม
สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือมิติทางการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์ Goldman มองว่าการแข็งค่าของหยวนช่วยลดความจำเป็นที่จีนจะต้องตอบโต้ด้วยมาตรการทางภาษีหรือการค้า
เพราะการที่หยวนแข็งอยู่แล้วจะช่วยลดผลกระทบจากนโยบายกีดกันของสหรัฐฯ และยังเพิ่มอำนาจต่อรองในเวทีโลกอีกด้วย
ขณะเดียวกัน นักลงทุนรายใหญ่ในจีนเองก็เริ่มกลับมาซื้อหุ้นในประเทศมากขึ้น หลังเห็นสัญญาณการฟื้นตัวและข่าวดีเกี่ยวกับการผ่อนคลายทางภาษีบางส่วนกับสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เริ่มกลับคืนมา
สุดท้าย Goldman สรุปว่า หยวนที่แข็งค่าขึ้นไม่ใช่แค่ปัจจัยเชิงเทคนิคของตลาดเงิน แต่เป็น “ตัวเร่ง” สำคัญที่อาจนำไปสู่การกลับมาของตลาดหุ้นจีนอย่างเต็มตัว
โดยเฉพาะในกลุ่มที่เชื่อมโยงกับกำลังซื้อภายในประเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ
หากหยวนแข็งค่าต่อไปตามที่คาด หุ้นจีนอาจไม่ใช่แค่ฟื้น แต่กลายเป็น “โอกาสใหม่” ที่กำลังถูกรื้อฟื้นขึ้นมาจากเถ้าถ่านของวิกฤตการค้า
เนื้อหาข้อมูลที่มาจาก.. KIM Property Live