ห้องเม่าปีกเหล็ก

สรุป 5 โมเดลร้านอาหาร จากเคส เครือ CRG

โดย theMENU
เผยแพร่ :
58 views

สรุป 5 โมเดลร้านอาหาร จากเคส เครือ CRG | BrandCase

- CRG หรือ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด เป็นเจ้าของและบริหารกร้านอาหารในเครือทั้งหมด 22 แบรนด์

ตัวอย่างร้านอาหารที่นับว่าอยู่ในเครือ เช่น

เคเอฟซี, เปปเปอร์ ลันช์, โอโตยะ, อานตี้ แอนส์, มิสเตอร์ โดนัท, นักล่าหมูกระทะ, ชินคันเซ็น ซูชิ, ส้มตำนัว และ สลัดแฟคทอรี

โดย ณ สิ้นปี 2567 ร้านทั้งหมดนี้ มีจำนวนสาขารวมกันทั้งหมด 1,371 สาขา

และใน 22 แบรนด์นี้ มี 5 โมเดลธุรกิจบริหารร้านอาหาร ที่แตกต่างกันออกไป

แล้วโมเดลธุรกิจของร้านอาหารในเครือ CRG เป็นอย่างไร ?

BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ

 

 

โมเดลธุรกิจร้านอาหาร ของเครือ CRG มีทั้งหมด 5 รูปแบบ คือ

1. เป็นเจ้าของและบริหารเอง

2. รูปแบบสัญญาแฟรนไชส์ หรือ Franchise Agreement

3. รูปแบบ Exclusive Right

4. รูปแบบ Non-Exclusive Right

5. รูปแบบร่วมทุนหรือ Joint Venture

เราลองมาดูรายละเอียดกันไปทีละโมเดล

1. เป็นเจ้าของและบริหารเอง

รูปแบบนี้เครือ CRG จะเป็นผู้ปั้นแบรนด์ร้านอาหารขึ้นมาเอง และบริหารร้านอาหารเอง

โดยเครือ CRG ก็จะได้รับรายได้และกำไรจากการบริหารหน้าร้านเอง แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ตัวอย่างร้านอาหาร-เครื่องดื่มในโมเดลนี้ของ CRG คือ

- อาริกาโตะ ร้านกาแฟและเครื่องดื่ม มีสาขาสแตนด์อะโลน 3 สาขา และสาขาที่เปิดกับร้าน มิสเตอร์ โดนัท ในรูปแบบ Shop in Shop 237 สาขา

- เทอเรสซ์ เดอ บางกอก ร้านอาหารไทย มีทั้งหมด 2 สาขา

- เกาลูน ร้านอาหารจีนประเภทติ่มซำ 1 สาขา

นอกจากนี้เครือ CRG ยังรับจ้างบริหารร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ร้านอาหาร เทอเรสซ์ เดอ บางกอก ให้กับ บริษัท ห้องอาหาร ซี.ดี.เอส. จำกัด ทั้งหมด 3 สาขา

2. รูปแบบสัญญาแฟรนไชส์ หรือ Franchise Agreement

รูปแบบนี้ เครือ CRG จะเป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์ หรือรับสิทธิแฟรนไชส์จากเจ้าของแบรนด์

โดยสามารถนำชื่อแบรนด์และระบบการบริหารจัดการร้าน มาใช้ในธุรกิจร้านอาหารของตัวเองตามเงื่อนไขที่กำหนด

โดยที่เครือ CRG จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม หรือ Royalty Fee ตามเงื่อนไขที่ตกลง

ซึ่งแบรนด์ร้านอาหาร ที่เครือ CRG ไปซื้อสิทธิแฟรนไชส์มาคือร้าน ชาบูตง อดีตต้นตำรับราเม็นทีวีแชมเปียนจากประเทศญี่ปุ่น

โดยปัจจุบัน ชาบูตง มีจำนวนสาขาทั้งหมด 9 สาขา

3. รูปแบบ Exclusive Right

โมเดลธุรกิจร้านอาหารแบบนี้ เครือ CRG จะเป็นผู้ขอสิทธิในการบริหารแบรนด์ จากเจ้าของแบรนด์

แล้วเอาเข้ามาเปิดร้านในพื้นที่ประเทศไทยเพียงผู้เดียว

ซึ่งเชนร้านอาหารเจ้าอื่น ๆ จะไม่สามารถขอสิทธิแฟรนไชส์ในพื้นที่ประเทศไทยซ้ำได้

โดยโมเดลธุรกิจร้านอาหารแบบ Exclusive Right ผู้ที่ขอสิทธิในการบริหารแบรนด์ อย่างเครือ CRG จะไม่มีสิทธิขายแฟรนไชส์ต่อให้กับเจ้าอื่น ๆ

ปัจจุบัน แบรนด์ร้านอาหารในรูปแบบ Exclusive Right ของเครือ CRG คือ

- มิสเตอร์ โดนัท มีทั้งหมด 436 สาขา

- อานตี้ แอนส์ มีทั้งหมด 237 สาขา

- เปปเปอร์ ลันช์ มีทั้งหมด 51 สาขา

- โคล สโตน ครีมเมอรี่ มีทั้งหมด 20 สาขา

- โยชิโนยะ มีทั้งหมด 19 สาขา

- โอโตยะ มีทั้งหมด 55 สาขา

- เทนยะ มีทั้งหมด 9 สาขา

- คัตสึยะ มีทั้งหมด 55 สาขา

- ราเมน คาเกทสึ อาราชิ มีทั้งหมด 4 สาขา และร้านคีอานิ (Kiani) 1 สาขา

4. รูปแบบ Non-Exclusive Right

โมเดลร้านอาหารรูปแบบนี้ จะตรงกันข้ามกับกรณีที่เป็นโมเดลธุรกิจแบบ Exclusive Right

คือเครือ CRG จะเป็นหนึ่งในผู้รับสิทธิในการเปิดร้านอาหารในพื้นที่ ร่วมกับเครือร้านอาหารอื่น ๆ

โดยรูปแบบร้านอาหารของเครือ CRG ที่เป็นแบบ Non-Exclusive Right ก็คือร้านอาหาร เคเอฟซี ในประเทศไทย

โดยปัจจุบัน ร้าน เคเอฟซี ในประเทศไทย มีเจ้าของสิทธิแบรนด์คือ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด

และถูกบริหารโดยเชนร้านอาหารแบบ Non-Exclusive Right 3 เจ้า คือ

- บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ RD

- บริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด หรือ QSR ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไทยเบฟเวอเรจ

- บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG

โดย Non-Exclusive Right ทั้ง 3 เจ้า มีสถานะเป็นแฟรนไชซี ที่ได้รับสิทธิในการบริหารร้าน เคเอฟซี

โดยที่ เคเอฟซี มีบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด

ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Yum! Brands, Inc เป็นผู้ควบคุมดูแลคุณภาพอาหาร และคอยบริหารแบรนด์เคเอฟซีในไทย อีกทีหนึ่ง

ปัจจุบันเครือ CRG มีร้าน เคเอฟซี อยู่ภายใต้การบริหาร 340 สาขา

5. รูปแบบร่วมทุนหรือ Joint Venture

โมเดลร้านอาหารรูปแบบนี้ เป็นรูปแบบที่เครือ CRG ได้เข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจร้านอาหาร

กับเจ้าของร้านอาหารแบรนด์อื่น ๆ โดยไม่ได้เป็นเจ้าของแบรนด์ร้านอาหารแบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

ซึ่งก็มีหลาย ๆ บริษัทร้านอาหาร ที่เครือ CRG ได้เข้าไปร่วมทุน ไม่ว่าจะเป็น

- เข้าไปร่วมลงทุนใน บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด

เจ้าของร้านอาหารอย่าง ชินคันเซ็น ซูชิ, นักล่าหมูกระทะ, ร้านซูชิสายพาน คัตสึ มิโดริ

และร้านบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นพรีเมียม นามะ ด้วยสัดส่วน 51%

- เข้าไปร่วมลงทุนใน บริษัท กรีน ฟู้ด แฟคทอรี่ จํากัด

เจ้าของแบรนด์ร้านอาหาร สลัดแฟคทอรี ด้วยสัดส่วน 51%

- เข้าไปร่วมลงทุนใน บริษัท บราวน์ ดีเซิร์ท จำกัด

เจ้าของร้านคาเฟและขนมหวาน บราวน์ ด้วยสัดส่วน 51%

- เข้าไปร่วมลงทุนใน บริษัท เอสทีเอ็น เรสเตอรองต์ จำกัด

เจ้าของร้านอาหารแบรนด์ ส้มตำนัว ด้วยสัดส่วน 85%

โดยโมเดลการร่วมทุนแบรนด์ร้านอาหาร เครือ CRG

ก็จะรับรู้รายได้ เป็นส่วนแบ่งกำไรจากแบรนด์ร้านอาหารต่าง ๆ ตามสัดส่วนการลงทุน

จำนวนสาขาของแบรนด์ที่เครือ CRG ได้เข้าไปร่วมทุน

- ร้านสลัดแฟคทอรี 46 สาขา

- ร้านส้มตำนัว 10 สาขา

- ร้านชินคันเซ็น ซูชิ 58 สาขา

- ร้านนักล่าหมูกระทะ 12 สาขา

- ร้านบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นพรีเมียม นามะ 1 สาขา

- ร้านซูชิสายพาน คัตสึ มิโดริ 1 สาขา

ทั้งหมดนี้ ก็เป็นสรุปโมเดลธุรกิจร้านอาหาร 5 แบบ ผ่านร้านอาหารในเครือ CRG ทั้ง 1,371 สาขา

Reference

- รายงานประจำปี (แบบ 56-1 One Report) ปี 2567 บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก..  BrandCase 


theMENU