ห้องเม่าปีกเหล็ก

แบงก์โชว์กำไร 2 แสนล. โต 4% ปีนี้เร่งปลดแอกหนี้เน่า

โดย maiden
เผยแพร่ :
86 views

 

11 แบงก์ไทยกวาดกำไรกว่า 2 แสนล้าน เติบโต 4% ฟาก SCB ยึดแท่นแชมป์กำไรสูงสุดต่อเนื่อง BBL เสียรังวัด ถูก KTB เบียดขึ้นเบอร์ 3 แม้อ่วมเอ็นพีแอลถึง 9.1 หมื่นล้าน ฟาก CIMBT เจอพิษหนี้เน่าโรงสีดันเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 98% ขาดทุน 629 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานผลประกอบการธนาคารพาณิชย์ (แบงก์) 11 แห่ง ณ สิ้นงวดปี 2559 ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่ามีกำไรรวม 206,966 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปี 2558 โดยธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ยังครองแชมป์เบอร์ 1 ที่มีกำไรสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เสียตำแหน่งแบงก์กำไรสูงสุดอันดับที่ 3 ให้กับธนาคารกรุงไทย (KTB) ซึ่งมีกำไรปี 2559 ที่จำนวน 32,378 ล้านบาท ส่วน BBL มีกำไร -7% ลดลงมาอยู่ที่ 31,815 ล้านบาท โดยพบว่ารายได้จากดอกเบี้ยสุทธิและรายได้มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิของ 2 ธนาคารแรก มีการเติบโต ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ระดับสูงเหนือ 3% แต่ BBL รายได้ดอกเบี้ยสุทธิโต 18% ขณะที่รายได้มิใช่ดอกเบี้ย ลดลง 7.4% และส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ระดับต่ำที่ 2.34%

 

อย่างไรก็ตาม KTB เป็นแบงก์ที่มีจำนวนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) สูงสุดถึง 91,128 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อน และยังมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญและการขาดทุนจากการด้อยค่าในปี 2559 จำนวน 33,429 ล้านบาท ส่วนธนาคารทหารไทย (TMB) ตั้งสำรองฯ สูงสุดในกลุ่มแบงก์มากถึง 58% มาอยู่ที่ระดับ 8,649 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) มีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นสูงถึง 98% ในสิ้นปี 2559 มาอยู่ที่ 12,700 ล้านบาท

นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า ผลกำไรปี 2559 เติบโต 14% โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 11.7% ซึ่งมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากธุรกิจบริการบัตรและรายได้จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายประกัน รวมถึงรายได้จากธุรกรรมเพื่อการค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ กำไรจากเงินลงทุนและรายได้จากหนี้สูญรับคืน ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.74%

"แนวโน้มธุรกิจในปีนี้ กรุงศรีคาดว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะมีความต่อเนื่องและครอบคลุมในทุกภาคส่วน โดยเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 3.3% แบงก์จึงตั้งเป้าการขยายตัวของสินเชื่อรวม 6-8% จากปีที่ผ่านมาสินเชื่อรวมเติบโต 11.2% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้มาก" นายโนริอากิกล่าว

นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) กล่าวว่า ปีนี้ธนาคารมีแผนลดเอ็นพีแอลต่อเนื่อง จากปีก่อนที่อยู่ในระดับสูงแตะระดับ 6.1% และลดลงมาเหลือ 4.8% ซึ่งเป็นผลจากการขายหนี้เอ็นพีแอลเมื่อปลายปี 2559 และยังมีแผนขายหนี้เสียออกมาต่อเนื่องในปี 2560 ควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพหนี้ในทุกกลุ่มสินเชื่อเพื่อควบคุมเอ็นพีแอลให้ต่ำกว่า 5% และเนื่องจากปี 2559 ได้ตั้งสำรองพิเศษเพิ่มอีก 400 ล้านบาท เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดในครึ่งปีแรก

"หนี้ที่เกิดขึ้นปีที่ผ่านมา เกิดจากโรงสีซึ่งเป็นลูกค้าเอสเอ็มอีรายใหญ่ของแบงก์ ส่วนปีนี้ยังมีโอกาสที่จะมีเอ็นพีแอลเกิดใหม่จากลูกค้าทุกกลุ่ม แบงก์จึงต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี ทั้งการตัดขายหนี้เสียออกไป การติดตามลูกค้าใกล้ชิด แต่คาดว่าปีนี้จะตั้งสำรองลดลงได้เพราะปีที่ผ่านมาได้กันสำรองไปสูงแล้ว ขณะที่ได้ตั้งเป้าหมายสินเชื่อโต 5-10%" นายกิตติพันธ์กล่าว

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ปีนี้ ธนาคารยังตั้งเป้าลดหเอ็นพีแอล และสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) อย่างต่อเนื่อง โดยยอมรับว่าปี 2559 ที่ผ่านมาเอ็นพีแอลที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ต้องกลับมาปรับปรุงกระบวนการจัดการเอ็นพีแอลและเอ็นพีเอให้มีประสิทธิภาพขึ้น เพราะเดิมใช้เพียงวิธีการปรับโครงสร้างหนี้เท่านั้น ขณะที่คู่แข่งเน้นขายทอดตลาดหรือการตัดพอร์ตขาย

ส่วนเอ็นพีแอลปี 2560 แม้จะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและคาดว่าจะถึงจุดสูงสุดในช่วงไตรมาส 2/2560 แต่ธนาคารก็ตั้งเป้าลดให้อยู่ในระดับต่ำกว่าหรือทรงตัวกับปีที่ผ่านมา โดยจะเพิ่มระบบการตรวจจับสัญญาณก่อนเกิดเอ็นพีแอล เพิ่มความระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อลูกค้าในแต่ละกลุ่มธุรกิจ รวมถึงยังคงตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่ระดับ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนการตั้งสำรองพิเศษจะพิจารณารายกรณี

"ปีนี้คาดว่าสินเชื่อรวมของแบงก์จะเติบโตกว่า 5% อีกทั้งยังคาดว่าสินเชื่อรายย่อยและเอสเอ็มอีจะขยายตัวสูงกว่า 5% ส่วนสินเชื่อขนาดใหญ่โต 4% และสินเชื่อภาครัฐขยายตัวกว่า 5% หลังจากปีที่แล้วสินเชื่อทุกหมวดขยายตัวติดลบ ขณะที่สัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้ดอกเบี้ยตั้งเป้าเติบโต 5%" นายผยงกล่าว

ด้านนายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) กล่าวว่า กำไรสุทธิลดลง 12% จากปีก่อน เนื่องจากมีการสำรองหนี้ค่อนข้างสูงถึง 8,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากปีก่อน เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงได้สำรองเพื่อตัดบัญชีหนี้สูญ (write off) เพิ่มขึ้นจากระดับปกติอยู่ที่ 12,000 ล้านบาทส่วนเอ็นพีแอลอยู่ที่ 17,605 ล้านบาทลดลง 2,868 ล้านบาท จากปี 2558


maiden