ห้องเม่าปีกเหล็ก

ส่องปัจจัยพื้นฐาน 10 หุ้นตัวตึง!

โดย อิคคิวซัง
เผยแพร่ :
172 views

ส่องปัจจัยพื้นฐาน 10 หุ้นตัวตึง!

อิงกระแสการเมืองพรรคเพื่อไทย-ภูมิใจไทย

.

ปัจจัยการเมืองในประเทศ ต้องยอมรับว่ามีผลต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องกรณีเสนอชื่อนายพิธาโหวตนายกฯซ้ำ ทำให้นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า การโหวตหลังจากนี้ ยังยึดมติสภาฯ ตามเดิม คือ ไม่สามารถโหวตชื่อซ้ำได้

.

โดยลำดับถัดไป ติดตามการการโหวตนายก ฯ วันที่ 22 ส.ค. ซึ่งพรรคเพื่อไทยยังยืนยันเสนอชื่อ นายเศรษฐา แม้ว่าจะมีเสียงต้าน จาก ส.ว. บางส่วน

.

ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน คาดว่า SET INDEX จะตอบรับเชิงบวก โดยเฉพาะ Domestic play เช่น ธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก สินค้าอุปโภค บริโภค และสื่อสาร จะแกว่ง Sideway Up ขึ้นไปรอความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล โดยถ้าหากรวมเสียงได้ 250 เสียงขึ้นไปคาดว่าจะทำให้ Upside ของ SET INDEX เปิดกว้างมากขึ้น (ประเมินกรอบการฟื้นตัวเบื้องต้น 1,535-1,540 จุด)

.

นอกจากนี้นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ยังได้รวบรวมรายชื่อหุ้นอิงกับกระแสการเมือง ประกอบด้วย ADVANC, INTUCH, SIRI, THCOM, SC, PR9, XPG, GULF, STEC และ PTG ซึ่งหุ้นเหล่านี้จะมีปัจจัยพื้นฐานน่าสนใจแค่ไหน Wealthy Thai หาคำตอบให้นักลงทุนแล้ว

.

ADVANC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 250 บาท ยังคงเลือก ADVANC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 250 บาท เพราะมองว่าบริษัทกำลังเข้าสู่วัฏจักรการเติบโตของกำไรรอบใหม่จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นตาม ARPU ที่สูงขึ้นเพราะการแข่งขันลดลง นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของ ADVANC ยังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 3.8% ในปีนี้ และมีแนวโน้มจะขยับสูงขึ้นอีก

.

โดยกำไรจากธุรกิจหลักในงวดครึ่งปีแรก คิดเป็น 49% ของประมาณการกำไรเต็มปี ทั้งนี้ เนื่องจากยังไม่เห็นสัญญาณว่าการแข่งขันในตลาดจะกลับมาเข้มข้นขึ้นอีก จึงคาดว่าโมเมนตัมของกำไรจะยังเป็นบวกต่อเนื่องในครึ่งหลังปี 66 ดังนั้นจึงยังคงประมาณการกำไรปีนี้เอาไว้เท่าเดิมที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% จากปีก่อน

.

ต่อกันที่ INTUCH นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2566 ขึ้นเป็น 1.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 7.4% จากปีก่อน หลักๆ มาจากการปรับเพิ่มสมมติฐานกำไรปกติของ ADVANC ที่ปรับเพิ่มขึ้นก่อนหน้า

.

ทั้งนี้ปรับเพิ่มมูลค่าเหมาะสมของ INTUCH ณ สิ้นปี 2566 ขึ้นเป็น 81.25 บาทต่อหุ้น คงคำแนะนำ “TRADING” แม้ Upside ไม่สูง แต่เงินปันผลคาดหวังในระดับสูง และ ประมาณการยังมีโอกาสถูกปรับเพิ่ม หากการแข่งขันในธุรกิจมือถือยังลดลงต่อเนื่อง ในระยะถัดไป

.

SIRI นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ขึ้น 10% เป็น 5.6 พันล้านบาท เติบโต 31%จากปีก่อน เนื่องจาก จากกำไรพิเศษใน ไตรมาส 2/66 ส่วนกำไรปกติยังคงประมาณการที่ 4.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%จากปีก่อน

.

สำหรับครึ่งหลังปีนี้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากฐานสูง เนื่องจากมีการโอนกระจุกตัวมากในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จะดีขึ้นจากครึ่งปีแรกต่อเนื่องตามการส่งมอบ backlog โครงการแนวราบมากขึ้น ซึ่งมี GPM สูง รวมทั้งจะมีการรับรู้รายได้จากการเปิดโครงการแนวราบและคอนโดใหม่เริ่มโอนมากขึ้น

.

ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.20 บาทจากปัจจัยด้านผลการดำเนินงานปกติปีนี้ที่จะเติบโตดีทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และมีโอกาส upside จากแผนธุรกิจเชิงรุก ที่จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านตลาดบนที่ยังได้รับการตอบรับที่ดี

.

THCOM นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คงแนะนำ “ซื้อ” ระยะสั้น ราคาเป้าหมาย 18.90 บาท เนื่องจากหุ้นตอบสนองเชิงบวกไปบ้างแล้วกับการปิด Presale ดาวเทียมดวงใหญ่ได้สำเร็จ 50% ของ Capacity ทำให้อาจมีช่วงของการพักตัวรอความคืบหน้าของการจัดตั้งรัฐบาล

.

แต่ระยะยาวหุ้นยังน่าสนใจโดยความคืบหน้าของการปิดลูกค้ารายใหม่ต่อจากนี้จะหมายถึงกำไรส่วนเพิ่มที่ตลาดจะใส่ลงในประมาณการของ THCOM ในระยะยาว ยังคงสมมติฐานระยะยาว THCOM มีศักยภาพทำกำไรระดับ 1.5-2.0 พันล้าน บาทต่อปีไม่ยาก อิงสมมติฐาน THCOM ยิงดาวเทียมดวงใหม่ทั้งสามดวงและเติมลูกค้าประสบความสำเร็จ

.

ทั้งนี้ประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2566 ที่ 426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 261% จากปีกอ่น แต่ประมาณการมีโอกาสมี Downside Risk เล็กน้อยหาก ครึ่งหลังของปี 66 THCOM ไม่สามารถปิดลูกค้ามาใช้งานดาวเทียมดวงเดิมได้เพิ่มเติม

.

SC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 5 บาท ถึงแม้อสังหาฯ กลุ่ม low-rise เห็นสัญญาณชะลอลงมากกว่าคาด แต่โดยรวมยอดขาย / ยอดโอนกลุ่ม low-rise ตลาดกลาง-บน ลดลงน้อยกว่า กลุ่มอื่น ในขณะที่ SC มีแผนธุรกิจที่ aggressive ในช่วง3 ปีข้างหน้าทั้ง residential สะท้อนการแย่ง market share ทำได้ต่อเนื่องและการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ ทำให้คาดจะมีการเติบโตต่อเนื่อง

.

โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ยังดีและเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน มีโอกาสทรงตัวในระดับสูงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามแผนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 3 ที่ราว 8.7 พันล้านบาท โดยทั้งหมดเป็นกลุ่ม low-rise ที่บางส่วนสามารถโอนได้ในระหว่าง ไตรมาส ในขณะที่ condo ยังมี backlog รอโอนอยู่บางส่วน

.

ดังนั้นประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 2.61 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน อาจมี downside เล็กน้อย จาก สถานการณ์ presale กลุ่ม low-rise ในครึ่งปีแรก ต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตามหากการระบาย stock condo ทำได้ดีขึ้น อาจช่วยจำกัด downside ได้

.

PR9 นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองแนวโน้มในครึ่งหลังปี 66 คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากจะเข้า high season ของอุตสาหกรรมโรงพยาบาลในไตรมาส 3 ซึ่งมีโรคตามฤดูกาล และคาดจะพลิก กลับมาเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเติบโตของคนไข้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 551 ล้านบาท ลดลง 3% จากปีก่อน คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22.70 บาท

.

GULF นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีความเห็นว่า เบื้องต้นคาดกำไรปกติไตรมาส 3/66 กลับมาเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนอีกครั้ง หลังได้แรงหนุนจาก 1. การรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

.

2.ผลประกอบการของโรงไฟฟ้า Jackson ที่มีโอกาสพลิกเป็นกำไรหลังได้อานิสงส์จากการเกิดคลื่นความร้อนในสหรัฐฯ และ ปัจจัยฤดูกาล (เข้าสู่ช่วงฤดูร้อนในสหรัฐฯ ทำให้ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น)

.

และ 3. ต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง (ผลจากปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าว ไทยที่ฟื้นตัว) จะหนุนการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า SPP โดยคงประมาณการกำไรปี 2566 ที่ 14,688 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน แนะนำ “TRADING”ราคาเป้าหมาย 54.50 บาท

.

STEC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ยังคงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายใหม่ 12.80 บาท (เดิม 13.00 บาท) เบื้องต้นในไตรมาส 3/66 คาดกำไรฟื้นตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน จากฐานอัตรากำไร ขั้นต้น (GM) ที่เพิ่มข้นจากฐานต่ำทั้งในช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน แม้จะไม่มีปันผล จาก GULF เหมือนในไตรมาส 2/66

.

อย่างไรก็ตามจากผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดมาก จึงได้ปรับประมาณการกำไรหลักทั้งปีนี้ลง 27% เป็น 699 ล้านบาท ลดลง 16%จากปีก่อน โดยปรับลดสมมติฐานรายได้ลง (สะท้อนโครงการอู่ตะเภาที่คาดว่าไม่ทันปีนี้) และอัตรากำไรขั้นต้น (สะท้อนไตรมาส 2/66 ที่ออกมาต่ำ)

.

PTG นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) คงแนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท โดยราคาหุ้นที่ลงมามากก่อนหน้าน่าจะสะท้อน negative surprise งบไตรมาส 2 รวมถึงแรงกดดันจากค่าแรงขั้นต่ำที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคตไปมากแล้ว ทั้งนี้ยังคงแนะนำ wait and see จนกว่าสถานการณ์ด้านค่าการตลาดน้ำมันจะดีขึ้น ค่อยเป็นโอกาสสะสมอีกครั้ง ซึ่งให้น้ำหนักในช่วงไตรมาส 4/66 มีโอกาสดีขึ้น

.

อย่างไรก็ตามคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 1.01 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%จากปีก่อน เติบโตต่ำโดยแรงกดดันจากค่า การตลาดที่ต่ำและ SG&A expenses ที่เร่งตัวขึ้น เป็นตัวกดดันหลัก

.

ปิดท้ายที่ XPG ปัจจุบันยังไม่มีการประเมินปัจจัยพื้นฐานจากนักวิเคราะห์

 

 

 

 


อิคคิวซัง