ห้องเม่าปีกเหล็ก

ประเทศไทย กำลังมี “ร้านลับ” มากขึ้นเรื่อย ๆ

โดย theMENU
เผยแพร่ :
218 views

ประเทศไทย กำลังมี “ร้านลับ” มากขึ้นเรื่อย ๆ

 

 

หลัง ๆ มานี้ เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยสังเกตเห็นว่า

กลยุทธ์การตั้งชื่อหรือสร้างภาพลักษณ์ให้ร้านดู “ลึกลับ” นั้น กำลังเป็นที่นิยมกันมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น บาร์ลับ, ร้านลับ, คาเฟลับ และอีกหลายอย่างที่จะทำให้ร้านดู “ลับ” ได้ 

ต่างมีให้เห็นบนโลกโซเชียลกันเต็มไปหมด

เรียกง่าย ๆ ว่ามันถูกใช้กันบ่อย จน “ร้านลับ” ก็ไม่ได้ดูลับสมชื่ออีกต่อไปแล้วในช่วงหลัง ๆ

ถึงอย่างนั้น กลยุทธ์การตั้งชื่อร้านให้ดูลึกลับนั้นก็ดูจะได้ผลไม่น้อย

เพราะถ้าเราดูกันที่ยอดการค้นหาของคนไทยในปี 2565 ผ่านเครื่องมือ Google Trends ก็จะเห็นได้ว่า 

ยอดการค้นหาในคีย์เวิร์ด “ร้านลับ” นั้นเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว.. จากปี 2564 และยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้

แสดงให้เห็นว่าคนไทยชอบค้นหา และไปเที่ยวร้านลับกันจริง ๆ นั่นเอง

แล้วทำไมการทำและโปรโมตร้าน ให้เป็นสถานที่ลับ ถึงได้ผล ? 

บทความนี้ MarketThink จะสรุปให้ฟัง

เรื่องการทำร้านให้ดูลึกลับ ถ้าดูดี ๆ จะค่อนข้างคล้ายกับกลยุทธ์ “Pull Strategy” ที่จะมุ่งไปที่การทำให้ 

“ลูกค้าเดินมาหาแบรนด์” มากกว่า “แบรนด์เดินไปหาลูกค้า”

โดยกลยุทธ์ Pull Strategy มันก็มีด้วยกันหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น

- สร้างคอนเทนต์ดี ๆ แล้วโฆษณาผ่านสื่อ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามีความต้องการสินค้าของเรา

- ทำให้สินค้า “ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ” เพื่อให้สินค้าของเรา ดูมีมูลค่าและน่าครอบครอง อย่างการทำสินค้าให้เป็น “Limited”

- กระตุ้นให้เกิดการบอกต่อ (Word of Mouth) ของลูกค้า ให้ได้มากที่สุด

- ทำ CRM สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น มอบดีลพิเศษ หรือสิทธิ์ในการซื้อสินค้าออกใหม่ ก่อนลูกค้าคนอื่น ๆ

โดยถ้าเราไปดูร้านอาหาร, คาเฟ หรืออะไรก็ตาม ที่ใช้วิธีโปรโมตว่าตัวเองเป็น “ร้านลับ”

ก็จะเห็นว่า ทำเลของร้านพวกนี้จะค่อนข้างเข้าถึงยาก บ้างไปอยู่ใต้ดิน, ในซอยลึก หรือไปอยู่ในตึกร้างเลยก็มี

แถมบางร้าน.. พอไปถึงก็ใช่ว่าจะเข้าไปใช้บริการได้ง่าย ๆ

เพราะบางที่ ก็มักจะซ่อนทางเข้าของร้าน ทำให้เราเข้าไปใช้บริการลำบากอีกต่างหาก..

ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามา ก็เพื่อทำให้ “ร้านลับ” นั้นดูเข้าถึงยาก, น่าค้นหา และดูมีเสน่ห์ มากกว่าร้านอื่น ๆ ในสายตาของผู้บริโภค

ซึ่งก็มีผลการศึกษาหลายอย่างที่ยืนยันได้ว่า คนเราจะมีแนวโน้มชอบอะไรก็ตามที่ “ได้มายาก” มากกว่าอะไรที่ “ได้มาง่าย” จริง ๆ

จึงไม่แปลกเลย ที่หลายคนจะยอมลำบากออกไปตามหาร้านลับ นั่นเอง..

และจุดสำคัญที่ทำให้ “ร้านลับ” กลายเป็นกระแส ก็น่าจะเป็นเพราะ “วิธีการสื่อสาร”

เพราะต่อให้จะเป็น “ร้านลับ” ที่เจ้าของธุรกิจอยากจะทำให้ดูเข้าถึงยากมากแค่ไหน.. 

แต่การสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายให้รู้ว่ามี “ร้านลับ” อยู่ตรงนี้ ก็ยังจำเป็นอยู่ดี

แต่จะให้ไปโปรโมตกันโต้ง ๆ แบบร้านปกติ ก็คงจะดูไม่ค่อยลับสักเท่าไร

หลายร้านจึงนิยมใช้ “อินฟลูเอนเซอร์” ระดับ Nano-Micro มาช่วยโปรโมตร้านกันแบบเนียน ๆ อย่างการทำคอนเทนต์หรือคลิปสั้น โพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย

เพราะการทำแบบนี้ จะทำให้ตัวคอนเทนต์ดูมีความ “สมจริง” มากกว่า 

โดยดูไม่เหมือนการโฆษณามากเกินไป แถมยังใช้งบในการโปรโมต ไม่มากอีกด้วย

และสำหรับคนไทยแล้ว การตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ ก็ยังเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลเสมอ

ซึ่งก็เคยมีสถิติที่น่าสนใจ ที่บอกว่าคนไทยกว่า 70% มีแนวโน้มเชื่อข้อมูลของอินฟลูเอนเซอร์ที่ตัวเอง

ติดตาม มากกว่าการโฆษณาจากแบรนด์ตรง ๆ เสียอีก..

และอีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ “กิมมิก” ของ “ร้านลับ” หลายแห่ง ที่ชอบจัดองค์ประกอบของร้าน ให้เอื้อต่อการทำคอนเทนต์สุด ๆ

เริ่มตั้งแต่ทางเข้าร้านสุดแปลก ไปจนถึงเมนูอาหารสุดอลังการ 

ก็ทำให้หลายคนอดใจไม่ไหว ต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทำคอนเทนต์แชร์ต่อกันบนโลกโซเชียล ทำหน้าที่กระจาย

“Word of Mouth” ให้ร้านได้อีกทีนั่นเอง..

สุดท้ายนี้ กลยุทธ์การทำร้านให้เป็น “ร้านลับ” ก็ยังมีเรื่องที่ท้าทายมาก ๆ คือ การทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำอีกครั้ง

โดยตรงนี้ก็ต้องให้คุณภาพของสินค้าและบริการ เข้ามาช่วยดึงดูดลูกค้าให้อยากกลับมาอีกครั้งให้ได้

ไม่เช่นนั้น “ร้านลับ” ในวันนี้ ก็อาจจะได้เป็นร้านที่ลับจริง ๆ เพราะ “คนลืม” ในวันหน้าก็ได้..

อ้างอิง:

-https://study.com/academy/lesson/pull-strategy-in-marketing-definition-examples.html#:~:text=A%20pull%20strategy%20is%20a,market%20the%20business%20for%20you.

 

 


theMENU