หวั่นเฟดขึ้นดอกเบี้ย กด SET ดิ่ง 1,590 จุด คัด 4 หุ้นอานิสงส์เงินฟ้อไทยชะลอตัว
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ประเมิน SET แกว่งตัว 1,590 - 1,610 จุด แม้ภาวะตลาดจะได้แรงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและการซื้อดักงบไตรมาส 1/66 ที่กำลังจะทยอยประกาศ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงประกอบกับความกังวล FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 5.25% ในการประชุม 2 -3 พ.ค. จะกดดันทิศทางดัชนีให้ผันผวนต่อไป จึงแนะนำ Selective buy เช่นเดิม
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy คาดการณ์งบไตรมาส 1/66 เติบโตขึ้น อาทิ BBL KTB KBANK SCB ADVANC INTUCH BCH WHAUP และ SAWAD MTC KTC ASK ที่รับอานิสงส์เงินฟ้อไทยชะลอตัวลง
โดยหุ้นแนะนำวันนี้ BBL (ปิด 159 ซื้อ/เป้า 180 บาท) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 10,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.8%จากไตรมาสก่อน และ 46%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจะขึ้นเครื่องหมาย XD 3 บาท ในวันที่ 21 เม.ย. ให้ Dividend yield 1.9%
รวมทั้ง BDMS (ปิด 30.25 ซื้อ/เป้า 37 บาท) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 3.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%จากไตรมาสก่อน สะท้อนโมเมนตัมของผลกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง แนวโน้มไตรมาส 2/66 โตต่อเนื่องและจะ peak สุดในช่วงไตรมาส 3/66 ซึ่งเป็น High season ของธุรกิจ
ด้านประเด็นสำคัญวันนี้ โดยในวันนี้ TISCO ประกาศงบไตรมาส 1/66 จับตากำไรสุทธิดีตามคาดหรือไม่: เบื้องต้นเราคาดว่า TISCO จะมีกำไรสุทธิที่ 1,877 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 4%จากไตรมาสก่อน และ 5%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หากผลกำไรออกมาดีตามคาดหรือดีเกินคาดจะเป็น Sentiment บวกโดยตรงกับ TISCO และหุ้นธนาคารอื่นๆ ตรงกันข้ามหากกำไรต่ำกว่าที่คาดจะเป็น Sentiment ลบกับหุ้นธนาคารด้วยเช่นกัน
ติดตามจีนประกาศ GDP ไตรมาส 1/66 คาดขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 ไตรมาส : Consensusคาด GDP ไตรมาส 1/66 จะขยายตัว 4% สูงขึ้นจากไตรมาส 4/65 ที่ขยายตัว 2.9% นับเป็นการขยายตัวมากที่สุดในรอบ 4 ไตรมาส ถือเป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตามอัตราการเติบโตดังกล่าวยังต่ำกว่าหากเทียบกับคาดการณ์ GDP ของ IMF ที่คาดไว้ที่ 5.2%
รวมทั้งน้ำมันดิบร่วงแรงกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยกระทบดีมานด์: ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.69 ดอลลาร์ หรือ 2.05% ปิดที่ 80.83 ดอลลาร์/บาร์เรล นักลงทุนกังวลเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเป็นลบต่อสินค้าในกลุ่ม Commodity และเป็นลบต่อหุ้นในกลุ่มน้ำมัน