ตั้งแต่ผู้โพสต์ได้คาดการณ์ว่า Set Index จะเป็นจุดเริ่มต้นของสภาวะกระทิงที่ 1,561 จุด เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ปี พ.ศ 2560 วันนี้ วันที่ 27 ธันวาคม ปี พ.ศ 2560 Set Index ได้ปรับตัวขึ้นไปทําจุดสูงสุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขายที่ 1,763 จุด แสดงว่าผู้โพสต์คาดการณ์ได้ถูกต้องแล้ว 202 จุด
นอกจากนี้ ผู้โพสต์ยังได้คาดการณ์ต่อไปว่า Set Index น่าจะปรับตัวขึ้นไปทําจุดสูงสุดในสภาวะกระทิงรอบนี้ที่ 5,000 จุด ประมาณปลายปี พ.ศ 2563 ซึ่งยังเหลือระยะทางอีก 3,237 จุดที่จะต้องเดินทางไปภายในระยะเวลา 3 ปี
ผู้โพสต์ขอสรุปเหตุผลเดิมและเหตุผลใหม่เพิ่มเติมเพื่อที่จะอธิบายว่าทําไม Set Index น่าจะปรับตัวขึ้นไปถึง 5,000 จุด ในช่วงปลายปี พ.ศ 2563 ดังนี้ คือ :
1) ปัจจัยจากต่างประเทศ ( ซึ่งเป็นเหตุผลเดิมและเป็นเหตุผลที่สําคัญที่สุด ) :
1.1) Fed Fund Rate เป็นขาขึ้นรอบใหญ่จนกระทั่งถึงจุดสูงสุดที่ 3.75 - 4.00% ในช่วงปลาย ปี พ.ศ 2563 ซึ่งมีผลทําให้เงินทุนไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกที่มีขนาดใหญ่มหาศาลที่ 200 ล้านล้าน USD มายังตลาดตราสารทุนทั่วโลกที่มีขนาดเล็กกว่ามากที่ 57.5 ล้านล้าน USD แล้วในที่สุดก็จะมีผลทําให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ หรือ อยู่ในสภาวะกระทิง เช่น ตลาดหุ้นต่างๆในสหรัฐอเมริกา เช่น Downjones, Nasdaq ตลาดหุ้นในประเทศต่างๆทางยุโรป รวมทั้งตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยด้วย
2) ปัจจัยภายในประเทศ ( ซึ่งเป็นเหตุผลใหม่และเป็นเหตุผลที่สําคัญรองลงมา )
2.1) การเมืองไทยมีความมั่นคง
2.2) รัฐบาล คสช. สามารถผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ให้ประสบผลสําเร็จในกรอบเวลาที่ได้วางแผนไว้
2.3) รัฐบาล คสช. สามารถผลักดันโครงการเขตเศรษฐกิจอีอีซี ( EEC ) ให้ประสบผลสําเร็จในกรอบเวลาที่ได้วางแผนไว้
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นแล้วนํามาเทียบเคียงกับตลาดหุ้นของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ยังตํ่ากว่าตลาดหุ้นไทยในเวลาเดียวกันนั้นอีก ( ตลาดหุ้นไทยตอนนั้นอยู่ที่ 350 จุด ในขณะเดียวกันกับที่ตลาดหุ้นของประเทศอินโดนีเซียตอนนั้นอยู่ที่ 250 จุด ) ปัจจุบันนี้ตลาดหุ้นของประเทศอินโดนีเซียอยู่ที่ระดับ 6,277 จุด ซึ่งสูงกว่าตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันมาก เพราะฉะนั้นตลาดหุ้นไทยก็มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปอยู่ในระดับใกล้เคียงกับตลาดหุ้นของประเทศอินโดนีเซียได้ในอีก 3 ปี ข้างหน้า เพราะความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยกับประเทศอินโดนีเซียไม่ต่างกันมาก
และสุดท้าย ผู้โพสต์ได้คาดการณ์ว่า เมื่อ Fed Fund Rate ได้ปรับตัวขึ้นไปถึงระดับสูงสุดในรอบนี้ที่ 4.00 - 4.25% ประมาณปี พ.ศ 2564 แล้ว ฟองสบู่โลกจะแตก เนื่องจากปัญหาหนี้สินของประเทศที่มีหนี้สินมากๆ เช่น สหรัฐอเมริกา และ จีน เป็นต้น ที่จะทนแรงกดดันต่อภาวะดอกเบี้ย Fed Fund Rate ในระดับที่สูงๆ ไม่ได้ แล้วจะเป็นสาเหตุทําไห้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง และในที่สุดก็จะมีผลทําให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงด้วยจาก 5,000 จุด มาเหลือเพียง 1,500 จุด อีกครั้งหนึ่งภายในระยะเวลา 1 ปี
ผู้โพสต์ขอขอบพระคุณท่านนักลงทุนทุกท่านอย่างสูงที่ให้ความสนใจแข้ามา View และ เข้ามาอ่าน ครับ
หมายเหตุ : 1) ผุ้โพสต์ไม่รับประกันความถูกต้องของการคาดการณ์ดังกล่าวข้างต้นของผู้โพสต์ แต่ถ้าผู้โพสต์คาดการณ์ได้ถูกต้อง ผู้โพสต์ขอยกคุณงามความดีให้แก่อาจารย์ใหญ่ 4 ท่าน คือ Warren Buffett, George Soros, Jim Rogers และ Peter Lynch ด้วยความเคารพ
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนในสภาวะตลาดกระทิงและธุรกิจรับเหมาก่อสร้างได้ใน longtunbysak.blogspot.com