ถอดบทเรียนดัชนีภาคบริการโลก เพิ่มขีดความสามารถภาคบริการไทย
- ในปี 2567 ภาคบริการไทยมีมูลค่า 11.44 ล้านล้านบาท หรือ 61.57 % ของผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.60 %
- ดัชนีข้อจำกัดทางการค้าภาคบริการ (Service Trade Restrictiveness Index: STRI) เผย ปี 2567 ค่าดัชนี STRI ของไทยอยู่ที่ 0.37 เท่ากับปี 2565 และ 2566 โดยเป็นอันดับที่ 48 จาก 51 ประเทศ
- อุปสรรคทางการค้าภาคบริการของโลกยังคงอยู่ในระดับสูงจากกฎระเบียบเพื่อส่งเสริมการค้าภาคบริการของโลกลดลง และในแต่ละประเทศยังมีข้อจำกัดมาตรการด้านการค้าออนไลน์
- ค่าดัชนีภาคบริการของไทยอยู่ที่ 0.37 สะท้อนไทยมีอุปสรรคด้านภาคบริการสูง แนะปรับปรุงกฎระเบียบเอื้อต่อภาคบริการ ดึงภาคบริการสาขาเทคโนโลยีลงทุนไทยเพิ่มขีดความสามารถ

“ภาคบริการ” เป็นกลไกขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางการค้าโลก โดยในช่วง 3ไตรมาสแรกของปี 2567 การค้าภาคบริการระหว่างประเทศของโลกมีอัตราขยายตัวถึง 9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การค้าสินค้าระหว่างประเทศของโลกที่เติบโตเพียง 2 %ในช่วงเวลาเดียวกัน
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ได้ติดตามแนวโน้มสำคัญของธุรกิจบริการโลกและไทยเพื่อหาแนวทางและอุปสรรคทางการค้าในภาคบริการและดำเนินการเชิงรุกเพื่อขยายโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยสามารถเติบโตได้ในตลาดโลก
ข้อมูลจาก สนค.เผยว่า ภาคบริการก็มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจไทย โดยในปี 2567 มีมูลค่า 11.44 ล้านล้านบาท หรือ 61.57 % ของผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.60 % และในปี 2566 สร้างการจ้างงานกว่า 5.85 ล้านตำแหน่ง หรือ 48 % ของแรงงานทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.79 %
“พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ” ผอ.สนค. กล่าวว่า จากรายงานดัชนีข้อจำกัดทางการค้าภาคบริการ (Service Trade Restrictiveness Index: STRI) ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development: OECD) ในปี 2567 ค่าดัชนี STRI ของไทยอยู่ที่ 0.37 เท่ากับปี 2565 และ 2566 โดยเป็นอันดับที่ 48 จาก 51 ประเทศ เท่ากับอันดับของปีก่อน และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศสมาชิก OECD ที่ 0.19
สะท้อนว่า ไทยมีข้อจำกัดหรืออุปสรรคในการค้าภาคบริการในระดับที่สูง แต่น้อยกว่าบางประเทศในอาเซียน อาทิ อินโดนีเซีย (อันดับที่ 49) และฟิลิปปินส์ (อันดับที่ 51) โดยสาขาบริการที่ไทยมี STRI ต่ำที่สุดหรือมีข้อจำกัดที่ไม่มาก อาทิ การกระจายเสียง การขนส่งทางอากาศ ภาพยนตร์และการบันทึกเสียง
ทั้งนี้ STRI มีการประเมินใน 5 ด้าน ได้แก่ ข้อจำกัดในการเข้าสู่ตลาด ข้อจำกัดในการเคลื่อนย้ายบุคคล มาตรการกีดกันอื่น ๆ อุปสรรคต่อการแข่งขัน และความโปร่งใสของการกำกับดูแล สำหรับค่าดัชนีที่วัดได้จะอยู่ระหว่าง 0 – 1 โดยระดับ 0 คือไม่มีข้อจำกัดเลย และ 1 คือมีข้อจำกัดเต็มที่
สำหรับด้านที่ไทยมีข้อจำกัดน้อยที่สุดจากทั้ง 5 ด้าน คือ มาตรการกีดกันอื่น ๆ ซึ่งมีข้อจำกัดแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขาภาคบริการ ครอบคลุมประเด็น เช่น การได้รับการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันในด้านภาษี ข้อจำกัดในการเข้าถึงเงินอุดหนุนเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการในประเทศ
นอกจากนี้ รายงาน STRI ของ OECD ระบุว่า แม้ว่าในปี 2567 ภาคบริการเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และมีมูลค่าการส่งออกภาคบริการจากประเทศสมาชิก OECD กว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่อุปสรรคทางการค้าภาคบริการของโลกยังคงอยู่ในระดับสูงและในบางประเทศยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย
โดยมีปัจจัยมาจากความคืบหน้าในการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อส่งเสริมการค้าภาคบริการของโลกลดลง และในแต่ละประเทศยังมีข้อจำกัด/มาตรการด้านการค้าออนไลน์จำนวนมากและแตกต่างกันไป
ในปี 2566 ประเทศสมาชิก OECD ที่มีการส่งออกภาคบริการสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี และประเทศที่มีค่าดัชนี STRI ต่ำที่สุด 3 อันดับแรก คือ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และเนเธอร์แลนด์
โดยสาขาบริการที่มีการเปิดเป็นเสรีมากขึ้นกว่าช่วงปี 2565-2566 คือ สาขาบริการไปรษณีย์และขนส่ง และสาขาบริการด้านกฎหมาย ซึ่งเป็นผลมาจากการทยอยยกเลิกการผูกขาดในธุรกิจไปรษณีย์ รวมถึงการยอมรับใบอนุญาตวิชาชีพบางสาขาโดยเฉพาะด้านกฎหมายเพิ่มขึ้น ซึ่งข้อมูลของ OECD ชี้ว่าการลดอุปสรรคด้านการค้าภาคบริการจะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานและนวัตกรรม รวมถึงลดต้นทุนทางการค้าได้ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
โดยประเทศที่มีการปฏิรูปมากที่สุดในช่วงปี 2566-2567 คือ โปรตุเกส กรีซ และอินเดีย โดยมีการดำเนินการที่สำคัญ
ทั้งนี้สนค.มองว่า จากรายงานดังกล่าวไทยสามารถถอดบทเรียน เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของภาคบริการและลดอุปสรรคทางการค้า เช่น ผ่อนปรนกฎระเบียบภาคบริการ โดยอาจมีการทบทวนและปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวข้องกับข้อจำกัดด้านสัญชาติและผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติและใบอนุญาตวิชาชีพในบางสาขา
โดยเฉพาะสาขาที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขัน อุตสาหกรรมที่ไทยขาดแคลนแรงงาน และสาขาที่ต้องการการถ่ายทอดองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนและการแข่งขันในภาคบริการ เพื่อดึงดูดการลงทุนในภาคบริการที่มีศักยภาพ และลดการผูกขาดทางการค้า
ที่มา..
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1178651