ห้องเม่าปีกเหล็ก

Tesla vs BYD : ศึกสองขั้ว EV โลก

โดย JomFolk
เผยแพร่ :
58 views

Tesla vs BYD : ศึกสองขั้ว EV โลก

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน เวลาพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ชื่อที่แทบจะผูกติดกับภาพในหัวทุกคนก็คือ Tesla

บริษัทที่ Elon Musk ปั้นขึ้นมาให้กลายเป็น สัญลักษณ์ของนวัตกรรมพลังงานสะอาด ด้วยดีไซน์ล้ำยุคและระบบ Software ที่เหนือคู่แข่ง

Tesla เริ่มจากรถหรูราคาแพง แต่ขยายมาสู่รถ Mass อย่าง Model 3 และ Model Y จนทำให้ Tesla กลายเป็น บริษัท EV อันดับ 1 ของโลก ทั้งในแง่ยอดขายและมูลค่าตลาด


ในอีกฟากหนึ่งของโลก BYD บริษัทจีนที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1995 โดยเริ่มจากการทำ แบตเตอรี่ ก่อนจะขยายมาสู่รถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว จุดแข็งของ BYD คือ การควบคุมห่วงโซ่การผลิตได้เองทั้งหมด (Vertical Integration) ตั้งแต่แบตเตอรี่ เซลล์ไฟฟ้า มอเตอร์ ไปจนถึงรถ EV ทั้งคัน

..

 

ปัจจุบัน : ตัวเลขที่พลิกเกม

• Tesla (สหรัฐฯ)

• Market Cap : $1.09 ล้านล้านดอลลาร์ (ยังใหญ่ที่สุดในโลก EV)

• Revenue 2024 : $97.7 พันล้านดอลลาร์

• ความท้าทาย : กำไร Q1/2025 ลดลงกว่า -40% เพราะต้นทุนสูง + ดีมานด์แผ่วในสหรัฐฯ-ยุโรป

• จุดที่นักลงทุนยัง “ศรัทธา” คือ Robotaxi และ AI for Mobility ที่ Elon Musk ชูว่าเป็นอนาคตของ Tesla

..

• BYD (จีน)

• Market Cap : $174 พันล้านดอลลาร์ (เล็กกว่า Tesla ~6 เท่า)

• Revenue 2024 : $107 พันล้านดอลลาร์ (มากกว่า Tesla)

• Q1/2025 : ยอดขายรถไฟฟ้า ทะลุ 1 ล้านคัน แซง Tesla ขึ้นแท่น เบอร์หนึ่งยอดขาย EV โลก

• กลยุทธ์ : รุกตลาดต่างประเทศเต็มกำลัง ทั้งเอเชีย (ไทย, อินเดีย) ละตินอเมริกา และยุโรป พร้อมส่งออก “รถ EV ราคาประหยัด” ที่ Tesla ยังแข่งยาก

 

อนาคต : ใครครองบัลลังก์?

1. Tesla ได้เปรียบในด้านแบรนด์และ Valuation

• มีฐานนักลงทุนและสาวกเหนียวแน่น

• ถ้า Robotaxi เปิดตัวได้จริง อาจปฏิวัติอุตสาหกรรมการเดินทาง และดัน Margin กลับมา

2. BYD ได้เปรียบในด้าน Mass Market และต้นทุน

• คุมห่วงโซ่การผลิตเอง ทำให้กดต้นทุนต่ำ

• รุกตลาดโลกด้วยราคารถที่เข้าถึงง่าย

• ถ้าเศรษฐกิจโลกยังต้องการ EV ราคาประหยัด BYD อาจกวาด Market Share อย่างต่อเนื่อง

3. Risk / โอกาสของทั้งคู่

• Tesla เสี่ยงจากดีมานด์ในสหรัฐฯ-ยุโรปที่อ่อนลง

• BYD เสี่ยงจากแรงกดดัน Trade War และการกีดกันสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ/ยุโรป

• แต่ทั้งคู่ก็มีโอกาสโตจาก EV adoption rate ที่ทั่วโลกยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

สรุปแล้ว ศึกนี้ไม่ใช่แค่ Tesla vs BYD

แต่คือภาพสะท้อนของ สหรัฐฯ vs จีน ในการแย่งชิงอำนาจนำด้านพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีการเดินทาง

 

Tesla อาจยังครองบัลลังก์ในสาย “นวัตกรรม-เทคโนโลยี-แบรนด์”

 

แต่ BYD กำลังขึ้นแท่น “จักรพรรดิยอดขายจริง” ที่จับตลาดแมสได้ทั่วโลก

คำถามคือ… นักลงทุนจะเลือกเดิมพันกับแบรนด์ระดับโลกที่อาจสร้างอนาคตใหม่ (Tesla) หรือบริษัทที่กำลังชนะในสนามจริงด้วยยอดขายและการรุกตลาด (BYD)?

 

 

ที่มา.  หุ้นพอร์ทระเบิด 


JomFolk