เปิดรายชื่อ 15 หุ้นผ่านเกณฑ์รับซื้อไฟฟ้ารอบใหม่
โบรกฯชู GULF-GUNKUL-SSP ตัวเต็งเด่นสุด
คาดประกาศผลคัดเลือกเป็นทางการวันที่ 22 มี.ค.66

.
กฟภ. และ กฟน. ได้มีการประกาศรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติสำหรับการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ มีบริษัทจดทะเบียนผ่านเกณฑ์ฯ 15 ราย ฟากกูรูคงน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ “มากกว่าตลาด” โดยมองว่าหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ามีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด ให้ให้ GULF, GUNKUL และ SSP เป็น Top Picks ของกลุ่ม
.
มุมมองของนักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า กฟภ. และ กฟน. ได้มีการประกาศรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติสำหรับการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ (เป็นโรงไฟฟ้าแบบ VSPP ขนาดไม่เกิน 10MW ทั้งหมด) รวม 304 โครงการ แบ่ง เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 291 โครงการ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 13 โครงการ
.
ทั้งนี้เบื้องต้นมีบริษัทจดทะเบียนผ่านเกณฑ์ฯ 15 ราย ได้แก่ BGRIM, TSE, GPSC, GUNKUL, BCPG, BPP, UBE, ACE, EGCO, WHA, UAC, QTC และ TPIPP โดยผู้ที่มีโครงการผ่านเกณฑ์ฯมากที่สุด 2 ลำดับแรกคือ TSE จำนวน 50 โครงการ และ BGRIM จำนวน 9 โครงการ ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นมีโครงการขนาด VSPP ที่ผ่านเกณฑ์รายละ 2-5 โครงการ
.
โดยกฟผ. ได้มีการประกาศรายชื่อโครงการที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ (โรงไฟฟ้าแบบ SPP ขนาด 10-90MW) รวม 219 โครงการ แบ่งออกเป็น 1.โรงไฟฟ้าพลังงานลม 60 โครงการ 2.โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน 38 โครงการ และ 3.โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 121 โครงการ
.
จากสอบถามเบื้องต้นกับบริษัทในกลุ่มบริษัทโรงไฟฟ้า พบว่าโครงการส่วนใหญ่ของแต่ละบริษัทล้วนผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ โดย BGRIM มีกำลังผลิตที่ผ่านเกณฑ์ฯราว 600MW (รวมกำลังผลิตที่ขายให้ทุกหน่วยงาน) ส่วน BPP มีกำลังผลิตที่ผ่านเกณฑ์ราว 200MW (ยื่นผ่าน Banpu NEXT) และ SSP มีกำลังผลิตที่ผ่านเกณฑ์ราว 200-300MW (13 โครงการ)
.
ขณะที่ GPSC มีบริษัทย่อยที่ผ่านเกณฑ์ฯ จำนวน 7 บริษัท (รวมการขายไฟฟ้าให้ทุกหน่วยงาน) โดยโครงการทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกต่อไป (พิจารณาเกณฑ์ด้านเทคนิคและพิจารณารอบสุดท้าย) และประกาศผลการคัดเลือกอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มี.ค. 2566
.
ดังนั้นคงน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ “มากกว่าตลาด” โดยมองว่าหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ามีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดจากแรงเก็งกำไรในประเด็นการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ของกกพ. โดยให้ GULF (ราคาเป้าหมาย66 บาท), GUNKUL (ราคาเป้าหมาย 5.90 บาท) และ SSP (ราคาเป้าหมาย 14.40 บาท) เป็น Top Picks ของกลุ่มฯ สำหรับการลงทุนในประเด็นดังกล่าว
.
ทั้งนี้เนื่องจาก GULF และ GUNKUL มีการทำ JV ร่วมกันและมีโอกาสได้กำลังผลิตใหม่มากที่สุด โดยทั้งสองบริษัทคาดหวังกำลังผลิตใหม่จากการรับซื้อรอบดังกล่าวรวม1,000MW (โครงการแสงอาทิตย์ 500MW และโครงการลม 500MW) ขณะที่ SSP แม้จะไม่ได้มีโอกาสได้รับกำลังผลิตใหม่ในระดับเดียวกับ GULF และ GUNKUL แต่ปัจจุบันยังมี Portfolio ขนาดเล็ก (232MWe) ทำให้การได้กำลังผลิตใหม่ส่งผลต่อกำไรของบริษัทฯชัดเจนกว่าผู้ประกอบการรายอื่น
.
ขณะเดียวกันกำไรปกติไตรมาส 4/65 ของกลุ่มโรงไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้มีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า เนื่องจาก 1.กำไรปกติของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP (GPSC, BGRIM) ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มปรับตัวลง (ผลจากเงินบาทที่แข็งค่า) และการรับรู้แรงหนุนจากการปรับขึ้นค่า Ft รอบก.ย. - ธ.ค. 2565 แบบเต็มไตรมาส
.
2.กำไรปกติของ GULF ที่มีแนวโน้มเติบโตจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเข้าสู่ช่วง High Season ของโรงไฟฟ้า BKR2 และการรับรู้รายได้จากการ COD หน่วยที่ 4 ของโรงไฟฟ้าGSRC แบบเต็มไตรมาสและ 3.กำไรปกติของ EA ที่มีโอกาสเติบโตจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งมอบรถ EV Bus ราว 800-1,000 คันในไตรมาส 4/65