คัด 10 หุ้นเด่น รับการเมืองชัดเจน
นโยบาย “เพื่อไทย” หนุนทุนนิยม
.
เจอกันอีกครั้งในวันจันทร์สำหรับ คอลัมน์ “โพยหุ้น” ที่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การเมืองบ้านเราอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นสูตรการจัดตั้งรัฐบาลที่จะออกมาทิศทางไหน รวมทั้งหน้าตาของรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญต่างๆ จะตกไปอยู่ที่ใคร แต่อย่างไรก็ตาม มีความชัดเจนมากขึ้นว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นผู้นำรัฐบาล
.
ทำให้นักวิเคราะห์มองถึงนโยบายในช่วงที่ผ่านมาของเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประชานิยม และสนับสนุนทุนนิยม ส่วนการชุมนุมประท้วงของฝั่งที่สนับสนุนก้าวไกลยังไม่ขยายวงกว้างและน่ากลัวนัก จึงมองว่าถึงเวลาที่จะเข้าลงทุนใน SET
.
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) มองว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นภายในเดือนนี้ หรือช้าสุดเดือนหน้า และจะปลดล็อก SET ให้พ้นจากความกังวลและปรับตัวขึ้นไปที่เป้าหมาย 1,650 จุด โดยบทวิเคราะห์นี้ฝ่ายวิจัยได้ทบทวนปัจจัยพื้นฐานของตลาดและธีมการลงทุนในครึ่งหลังของปี
.
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินการจัดตั้งรัฐบาลจะสำเร็จในเดือนนี้หรืออย่างช้าที่สุดในเดือนหน้า และมีความชัดเจนมากขึ้นว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นผู้นำรัฐบาลชุดต่อไป โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งคาดว่าตลาดจะชอบกรณีนี้
.
เนื่องจากนโยบายที่ผ่านมาของเพื่อไทย คือเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประชานิยม และสนับสนุนทุนนิยม รวมถึงการชุมนุมประท้วงของฝั่งที่สนับสนุนก้าวไกลยังไม่ขยายวงกว้างและน่ากลัวนัก จึงมองว่าถึงเวลาที่จะเข้าลงทุนใน SET โดยมีเป้าดัชนีสิ้นปีที่ 1,650 จุด
.
ในมุมของเศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัวตามวัฏจักร ซึ่งขับเคลื่อนโดยการท่องเที่ยว การบริโภค และรอบการลงทุนใหม่ของ FDI โดย GDP ยังโตได้ดีถึงแม้การส่งออกจะอ่อนแอ และการนำเข้ายังคงสูง ฐานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่ง และเงินบาทที่อ่อนค่าจากอัตราดอกเบี้ยของไทยที่ต่างจากของสหรัฐฯ อย่างมาก ได้ส่งผลดีต่อประเทศไทยผ่านการส่งออก และ FDI
.
ขณะที่มีหนี้สกุลเงินต่างประเทศอยู่ในระดับต่ำ และด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมาอยู่ที่เพียง 0.38% ในเดือนก.ค. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่ลดลงอย่างรวดเร็ว และการฟื้นตัวที่ช้าของจีน ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยแตะระดับสูงสุดที่ 2.25%
ดังนั้นจึงเห็นธีมการลงทุนสำหรับครึ่งหลังของปี 2566 ได้แก่ 1.ในขั้นแรกของการปลดล็อกทางการเมือง คาดว่าหุ้นขนาดใหญ่จะได้รับแรงซื้อทั้งจากต่างชาติและในประเทศในช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้น และมองว่ากลุ่มธนาคารน่าเล่นกว่าหุ้นกลุ่มพลังงาน
.
2.เห็นธีมการบริโภคจากการคาดการณ์เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลชุดใหม่ และราคาสินค้าเกษตรที่ได้ประโยชน์จากเอลนีโญ ราคาหุ้นเกี่ยวกับการบริโภคได้ปรับลงมากแล้วจากจุดสูงสุดปีนี้ 3.การท่องเที่ยวแข็งแกร่งและจะดีขึ้นเรื่อยๆ จากเที่ยวบินจีนที่เพิ่มขึ้น และการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 4
.
4.การลงทุนรอบใหม่ของ FDI ที่ชัดเจนมาก และช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่มีการซื้อที่ดินสูง และ 5. อัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งของไทยและสหรัฐฯ กำลังถึงจุดสูงสุด ชอบกลุ่มบริการทางการเงินเพื่อผู้บริโภค (Consumer Finance) และอิเล็กทรอนิกส์
.
อย่างไรก็ตาม มีหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภค การท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มบริการทางการเงินเพื่อผู้บริโภค (CRC, CPALL, COM7, AOT, WHA, AMATA, SAWAD) ซึ่งตรงกับธีมข้างต้นอยู่ในพอร์ตของฝ่ายวิจัยแล้ว
.
อย่างไรก็ดีได้เพิ่ม SCB เข้ามาแทน SCC เพราะคาดว่า SCB จะปรับตัวได้ดีกว่าในช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้น ในฐานะหุ้นปิโตรเคมี SCC มีความเชื่อมโยงกับปัจจัยของโลกมากกว่า
.
นอกจากนี้ได้แทนที่ BH ด้วย CENTEL เนื่องจากราคาหุ้นของ CENTEL ลดลง 20% จากจุดสูงสุดของปีนี้ และฤดูท่องเที่ยวกำลังมาถึง และยังคงให้ SISB อยู่ในพอร์ต ด้วยยังคงมองว่าเป็นหุ้นถือระยะยาวที่มีการเติบโตสูงมาก
