แต่การปะทะกันด้วยแรงซื้อแรงขายหุ้น ทำให้ตลาดหุ้นถูกตรึงแถวระดับ 1,600 จุดต้นๆ จะทะลุผ่าน 1,650 จุดก็ไปไม่ได้ จะหลุด 1,600 จุดลงมา ก็มีแรงซื้อพยุงตลอดเวลา
สัปดาห์นี้ ดัชนีฯ หุ้นควรวิ่งฉิว ทะลุ 1,650 จุด ไปแล้ว เพราะปัจจัยแวดล้อมสดใส โดยเฉพาะปัจจัยภายนอก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนคลายตัวลง การประท้วงที่ฮ่องกงไม่มีพัฒนาการด้านความรุนแรง ปัจจัยภายในสงบ และรัฐบาลกำลังผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นทั่วโลกพากันพุ่งทะยาน ดัชนีฯ อุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวกลับ บวกวันละหลายร้อยจุด ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น
แต่ตลาดหุ้นไทยไม่ยอมตอบรับข่าวดี นอกจากไม่ค่อยขยับขึ้นแล้ว เมื่อวันอังคารยังทรุดลงกว่า 11 จุด เพราะต่างชาติถล่มขาย 2,990 ล้านบาท
ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ต่างชาติเทขายหุ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ขายทุกวัน ขายวันละหลายพันล้านบาท โดยไม่ใส่ใจว่า ตลาดหุ้นจะมีข่าวดีหรือข่าวร้าย
เดือนสิงหาคม (สิ้นสุด 20 ส.ค.) ต่างชาติขายหุ้นสุทธิสะสมรวมทั้งสิ้น 47,592 ล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละเกือบ 3,700 ล้านบาท คำนวณจาก 13 วันทำการ ที่ตลาดหุ้นเปิดการซื้อขาย และกดดัชนีหุ้นจนแทบโงหัวไม่ขึ้น
การที่กองทุนรวมในประเทศปักหลักซื้อหุ้น อาจเป็นเพราะมีเงินไหลเข้าจากการซื้อหน่วยลงทุนของนักลงทุน และผู้จัดการกองทุนอาจมองว่า ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมาในจุดที่น่าสนใจแล้ว
ส่วนการขายของต่างชาติ อาจเป็นเพราะไม่มั่นใจแนวโน้มตลาดหุ้นไทย กังวลในปัญหาเศรษฐกิจถดถอย ปัญหาการส่งออกที่ทรุด และจีดีพีเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยปีนี้อาจจะโตเพียง 3% ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนชะลอตัว นอกจากนั้น ยังมีปัญหาด้านเสถียรภาพรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีก จึงเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน
แต่เป็นไปได้เหมือนกันว่า การเทขายหุ้นอย่างหนัก ต่างชาติจงใจกดราคาหุ้น เมื่อหุ้นปรับฐานลงลึกๆ จึงกลับมาช้อนซื้อของถูก
ต่างชาติเพิ่งกลับมาไล่ซื้อหุ้นเมื่อเดือนมิถุนายนและกรกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยช่วง 2 เดือนเก็บสะสมหุ้นประมาณ 7 หมื่นล้านบาท โดยไล่ซื้อที่ดัชนีหุ้นแถว 1,650 จุดหนัก และไล่ซื้อจนดัชนีหุ้นพุ่งขึ้นไปถึง 1,743 จุด
ต้นทุนหุ้นที่ต่างชาติซื้อรอบนี้ น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ดัชนีฯ สูงกว่า 1,700 จุด
ส่วนการถล่มขายรอบนี้ เปิดฉากตั้งแต่ดัชนีฯ ยืนระดับ 1,743 จุด และขายจนดัชนีฯ ร่วงลงมายืนที่ระดับ 1,625 จุด และหลังจากนี้จะเป็นการขายขาดทุน ถ้าเทียบกับต้นทุนที่ซื้อครั้งล่าสุด
ยอดซื้อหุ้นสะสมสุทธิของต่างชาติในปีนี้ เหลือเพียง 13,109 ล้านบาท ถ้าคิดเฉพาะยอดซื้อสุทธิที่เหลือ ต่างชาติคงมีแรงขายอีกไม่เท่าไหร่
หมดแรงขายของต่างชาติ หุ้นมีโอกาสปรับตัวเข้าสู่ช่วงขาขึ้น ถ้านักลงทุนไม่โชคร้าย มีปัจจัยลบอื่นเข้ามาแทรกซ้อนเสียก่อน
หุ้นจะขึ้นจะลง ชี้ขาดกันที่สงครามระหว่างต่างชาติกับกองทุนรวมในประเทศ ถ้าต่างชาติถอดใจ หยุดขายเมื่อไหร่ แนวต้าน 1,650 จุดคงตีฝ่าไปได้ง่าย ๆ
แต่ถ้ากองทุนรวมในประเทศ หมดแรงซื้อเมื่อไหร่ และต่างชาติยังขายไม่เลิก แนวรับ 1,600 จุด อาจต้านไม่อยู่เหมือนกัน
ต้องเฝ้าจับตา สงครามการสู้รบเพื่อชิงความเป็นผู้ชี้นำทิศทางตลาดหุ้นระยะสั้น ระหว่างฝรั่งกับกองทุน ใครจะถอดใจ หยุดซื้อหรือหยุดขายก่อนกัน
หมายเหตุ : โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Derivatives ในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com และ Group Facebook