โพยหุ้น คัดหุ้นเด่นปันผลสูง
ใน 3 อุตสาหกรรมรายใหญ่ของไทย

.
มาต่อกันอีกสัปดาห์ สำหรับหุ้นปันผล เพราะกลุ่มนี้ยังอยู่ในสายตานักลงทุนเรื่อยมา ดังนั้นโพยหุ้นสัปดาห์นี้ Wealthy Thai จึงได้คัดสรรหุ้นปันผลเด่น ของอุตสาหกรรมรายใหญ่ของไทย อย่าง กลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง มาฝากนักลงทุน ซึ่งแต่ละหุ้นจะมีความน่าสนใจแค่ไหนนั้น บทความนี้หาคำตอบให้แล้ว
.
โดยนักวิเคราะห์บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ( ประเทศไทย ) ได้ออกมาระบุถึงหุ้น Top Picks ในกลุ่มปันผลสูง หนึ่งในนั้นมีกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง อาทิ กลุ่มธนาคาร ได้แก่ TISCO, KKP ตามด้วยกลุ่มพลังงาน ได้แก่ TOP, PTT และกลุ่มวัสดุก่อสร้างอย่าง DCC, SCC
.
• TISCO ฝ่ายวิจัยคาดเงินปันผลปี 65 ที่ 7.50 บาท อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 8.1% ราคาเป้าหมาย 102 บาท
• KKP ฝ่ายวิจัยคาดเงินปันผลปี 65 ที่ 4.25 บาท อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 6.2%ราคาเป้าหมาย 83.50 บาท
• TOP ฝ่ายวิจัยคาดเงินปันผลปี 65 ที่ 4.82 บาท อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 9.4% ราคาเป้าหมาย 68 บาท
• PTT ฝ่ายวิจัยคาดเงินปันผลปี 65 ที่ 1.89 บาท อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 5.6% ราคาเป้าหมาย 55 บาท
• DCC ฝ่ายวิจัยคาดเงินปันผลปี 65 ที่ 0.14 บาท อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 5.2% ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท
• SCC ฝ่ายวิจัยคาดเงินปันผลปี 65 ที่ 16.20 บาท อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 5% ราคาเป้าหมาย 464 บาท
.
สำรวจปัจจัยพื้นฐาน
TISCO โดยนักวิเคราะห์บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า มอง TISCO เป็นธนาคารที่มีพอร์ตสินเชื่อแข็งแรง จากผลของการปล่อยสินเชื่อด้วยความระมัดระวังมาหลายไตรมาส และคาดจะเริ่มเห็นการเร่งขยายสินเชื่อในกลุ่มของรายย่อย ทั้งตัวเช่าซื้อยานยนต์และธุรกิจจำนำทะเบียน หลังบริษัทมีความมั่นใจในการขยายพอร์ตสินเชื่อมากขึ้น อีกทั้งคาดจะจ่ายปันผลอีกหุ้นละ 7.20 บาท คิดเป็น ระดับเงินปันผล สูงถึง 7.7% (จ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง) จึงคงคำ แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 116 บาท
.
KKP โดยนักวิเคราะห์บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า มองแนวโน้มธุรกิจของ KKP ยังอยู่ในเกณฑ์ดี และมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อในไตรมาส 4/65 จากความโดดเด่นของการขยายพอร์ตสินเชื่อที่โตดีกว่าอุตสาหกรรม บวกกับรายได้ฝั่งตลาดทุนคาดจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปลายปี และคาดการตั้งสำรองจะปรับตัวลง และคาดมีปันผลจากกำไรครึ่งหลังปี65 หุ้นละ 2.32 บาท คิดเป็น ระดับเงินปันผล ราว 3.3% จึง แนะ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 85 บาท
.
TOP นักวิเคราะห์บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อทิศทางของราคาน้ำมันดิบ และค่าการกลั่นในช่วงที่เหลือของปี 2565 จาก Seasonal Demand และอุปทานที่ยังคงตึงตัว จึงคาดจะเห็นการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่น ขณะที่ Spread Margin ของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี จะกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังตลาดเริ่มปรับสมดุลจากการลดกำลังผลิตในภูมิภาค ทำให้มองว่าผลประกอบการไตรมาส 3/65 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2565 ก่อนจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/65 จากความเสี่ยงในการรับรู้ Stock loss ที่ลดลง และกำไรจากดำเนินงานที่ฟื้นตัวตามทิศทางค่าการกลั่น และส่วนต่างราคาปิโตรเคมี แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 68 บาท
.
PTT นักวิเคราะห์ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส ( ประเทศไทย ) กล่าว่า แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 55 บาท โดย Valuation จูงใจและจ่ายปันผลสูง ณ ราคาหุ้นปัจจุบันมี P/E ปีนี้ต่ำเพียง 10.4 เท่า ซึ่งต่ำกว่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 13 เท่า ส่วนเงินปันผลทั้งปี 65 คาด ระดับเงินปันผล ไว้กว่า 5% ต่อปี
.
DCC นักวิเคราะห์บล. ทิสโก้ กล่าวว่า คาดผลประกอบการจะอ่อนแอในไตรมาส 3 จากอุปสงค์ในกลุ่ม mass-medium ที่อ่อนแอ (สัดส่วน 73% ของยอดขาย) แต่จากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว, รายได้จากภาคเกษตรที่ดีขึ้น และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำกับการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจะทำให้การดำเนินงานฟื้นตัวขึ้นในอนาคต ในขณะที่ต้นทุนค่าก๊าซคาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ด้านน้ำท่วมจะกระทบการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 65 แต่จะเร่งตัวขึ้นในภายหลังจากการซ่อมแซม ยังคงแนะนำให้ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 3.24 บาท
.
SCC นักวิเคราะห์บล. ดาโอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 370 บาท โดยเชื่อว่าธุรกิจปิ โตรเคมีของบริษัทจะฟื้นตัวอย่างช้า ๆเนื่องจาก petrochemical price spread ที่ยังคงได้รับแรงกดดันจากอุปทานใหม่ที่เข้ามาระหว่างปีและอุปสงค์ที่อ่อนแออย่างไรก็ดีเชื่อว่าราคาหุ้น SCC ได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้วและคงมุมมองว่ากำไรจะกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 66 จากกำไรของธุรกิจปิโตรเคมีที่ดีขึ้นและรับรู้กำลังการผลิตส่วนเพิ่มจากโครงการ LSP Petrochemical Complex